“พาณิชย์” แจ้งข่าวดี เม็กซิโกเปิดโควตานำเข้าข้าวภายใต้ภาษี 0% ปริมาณ 1.5 แสนตัน ในข้าว 4 ชนิด เผยไทยได้สิทธิในการส่งออกข้าวเมล็ดยาว เตรียมผลักดันขายทันที รับต้องแข่งกับสหรัฐฯ ที่มีต้นทุนลอจิสติกส์ถูกกว่า แต่มั่นใจส่งออกได้เพิ่มขึ้นแน่ พร้อมสั่งโปรโมตข้าวไทยในตลาดเม็กซิโก และเจาะขายผ่านซูเปอร์มาร์เกต
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า รัฐบาลกลางเม็กซิโกได้เปิดโควตานำเข้าข้าวปริมาณ 1.5 แสนตัน ภายใต้ภาษีในโควตา 0% ถือเป็นครั้งแรกที่เม็กซิโกเปิดโควตาให้มีการนำเข้าข้าว โดยมีข้าวที่จะนำเข้าภายใต้โควตา 4 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือก ข้าวเมล็ดยาว ข้าวหัก และข้าวกล้อง โดยไทยได้รับการจัดสรรโควตาประเภทข้าวเมล็ดยาว จากการเปิดโควตานำเข้าข้าวในครั้งนี้ แต่ก็ต้องแข่งขับกับคู่แข่งในโควตาที่ส่งออกข้าวเมล็ดยาวไปเม็กซิโก เช่น สหรัฐฯ อุรุกวัย อาร์เจนตินา และเวียดนาม
ทั้งนี้ ในการเปิดโควตานำเข้าข้าวของเม็กซิโก ได้กำหนดให้นำเข้าได้ตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. - 31 ธ.ค. 2560 โดยกำหนดให้บริษัทเอกชนที่ส่งออกข้าวภายในโควตาได้ไม่เกินบริษัทละ 1 หมื่นตัน เพื่อกระจายโควตาให้ทั่วถึง ไม่ให้เกิดการผูกขาด ซึ่งไทยจะใช้โอกาสนี้ในการผลักดันข้าวเข้าตลาดเม็กซิโก เพราะไทยมีคู่แข่งการส่งออกข้าวไปยังตลาดเม็กซิโก คือ สหรัฐฯ ที่ส่งออกข้าวชนิดเดียวกัน แต่สหรัฐฯ ได้เปรียบเรื่องต้นทุนด้านลอจิสติกส์ที่ต่ำกว่า
“ปกติไทยส่งออกข้าวไปตลาดเม็กซิโกจะต้องเสียภาษีนอกโควตาที่ 20% การจัดสรรโควตาให้ไทยจะทำให้ไทยส่งออกข้าวไปตลาดเม็กซิโกได้มากขึ้น โดยคาดว่าปีนี้น่าจะส่งออกได้มากกว่า 1 หมื่นตันขึ้นไป จากปี 2559 ที่ผ่านมา ไทยส่งออกไปได้เพียง 7,690 ตัน ลดลง 50% คิดเป็นสัดส่วน 3.32% ของปริมาณข้าวที่เม็กซิโกนำเข้าทั้งหมด โดยเม็กซิโกนำเข้าข้าวจากสหรัฐฯ มากสุดสัดส่วน 45% รองลงมา คือ อุรุกวัย 40% อาร์เจนตินา 7.7% เวียดนาม 1% และอินเดียไม่ถึง 1%” นางอภิรดีกล่าว
นางอภิรดีกล่าวว่า สำหรับแผนการผลักดันและประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในตลาดเม็กซิโกรวมทั้งตลาดอเมริกากลาง กระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจัดทำโครงการขยายตลาดข้าวไทยในเม็กซิโก ร่วมกับผู้นำเข้าและห้างสรรพสินค้าคอสต์โก เม็กซิโก (Costco Mexico) ที่มีถึง 37 สาขา ในระหว่างเดือน เม.ย.-ก.ย. 2560 เพื่อประชาสัมพันธ์ข้าวไทยให้เป็นที่รู้จักและติดตลาดเพิ่มขึ้น โดยจะชี้ให้ผู้บริโภคเห็นว่าข้าวไทยแตกต่างจากข้าวของประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ
นอกจากนี้ ไทยยังจะเพิ่มช่องทางในการกระจายข้าวไทยเข้าสู่ตลาดเม็กซิโกเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่ผู้นำเข้ารายใหญ่ในเม็กซิโกจะเป็นผู้นำเข้าแล้วนำไปกระจายต่อไปยังร้านอาหาร โดยเฉพาะร้านอาหารเอเชีย ซึ่งจะมีการผลักดันให้ผู้ส่งออกไทยจับคู่ธุรกิจกับผู้นำเข้าและซุปเปอร์มาเก็ต เช่น วอลล์มาร์ท (Walmart) และเชดราอุย (Chedraui) เพื่อจับตลาดค้าปลีก เพราะผลวิเคราะห์ตลาดพบว่า ชาวเม็กซิกัน 7 ใน 10 ราย นิยมเลือกซื้อสินค้าอาหารในซูเปอร์มาร์เกต