ศูนย์ข่าวศรีราชา - สภาเมืองพัทยา ถกยิบงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมฉบับที่ 1 ปี 2560 กว่า 204.7 ล้านบาท ชี้หลายโครงมีการใช้งบประมาณเกินความจำเป็น ขณะที่การจัดซื้อไม่ค่อยใช้ราคากลาง เน้นการสืบราคาพัสดุจากผู้รับเหมา หวั่นเข้าข่ายความผิดคล้ายโครงการดัง “รับจำนำข้าว” ฐานรู้เห็นเป็นใจ ประมาทเลินเล่อ และปล่อยปละละเลย
วันนี้ (5 ก.ย.) นายอนันต์ อังคณาวิศัลย์ ประธานสภาเมืองพัทยา เป็นประธานเปิดการประชุมสภาเมืองพัทยา สมัยสามัญ สมัยที่ 3 ครั้งที่ 3 ประจำปี 2560 ที่ห้องประชุมศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อร่วมพิจารณาแผนงาน โครงการ และการติดตามผลการดำเนินที่ผ่านมา โดยมีคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
โดย พล.ต.ต.บัณฑิต คุณจักร รองนายกเมืองพัทยา ได้นำเสนอวาระขอรับความเห็นชอบร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมฉบับที่ 1 ประจำปี พ.ศ.2560 ในวาระที่ 1 หลังจากที่เมืองพัทยา ได้พิจารณาอนุมัติข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2560 ไปแล้ว จำนวน 1,800 ล้านบาท แต่ปรากฏว่า มีความจำเป็นต้องตั้งรายจ่ายเพิ่มเติม เนื่องจากมีรายรับบางประเภทเพิ่มมากขึ้นเป็นจำนวนเงินกว่า 204.7 ล้านบาท โดยมีแผนการในการนำงบประมาณเข้าไปดำเนินการในหลายภาคส่วน ทั้งงานพัฒนาอาคาร สถานที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา งานด้านการศึกษา และสาธารณสุข เป็นต้น
ขณะที่ นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี สมาชิกสภาเมืองพัทยา ระบุว่า ตามแผนงานโครงการที่นำเสนอในการพิจารณางบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมฉบับที่ 1 นี้ มีหลายโครงการที่ต้องตั้งข้อสังเกต เช่น การปรับปรุงโรงอาหารภายในเมืองพัทยา ที่ใช้งบประมาณกว่า 5.2 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า ใช้งานมานานกว่า 10 ปี จนมีสภาพเสื่อมโทรม และอยากให้พัฒนาเพื่อรองรับการให้บริการแก่ข้าราชการ และประชาชนที่มาติดต่อราชการอันจะเป็นหน้าเป็นตาแก่เมืองพัทยา ซึ่งมองว่ากรณีดังกล่าวอาจจะใช้งบประมาณตามความจำเป็น หรือสิ้นเปลืองโดยใช้เหตุ
พร้อมกันนี้ ในส่วนของสำนักการช่างเมืองพัทยา ได้นำเสนอโครงการขอจัดสรรงบประมาณจำนวน 46 ล้านบาท เพื่อดำเนินการจัดสร้างอาคารเรียนขนาด 4 ชั้น ที่โรงเรียนเมืองพัทยา 7 (บ้านหนองพังแค) ซึ่งกรณีในส่วนของ นายอนันต์ อังคณาวิศัลย์ ประธานสภาเมืองพัทยา ตั้งข้อสงสัยว่า ในปีที่ผ่านมา สภาเมืองพัทยาเคยอนุมติงบประมาณ จำนวน 35 ล้านบาท เพื่อจัดสร้างอาคารขนาด 7 ชั้น ที่โรงเรียนดังกล่าว แต่พบว่า ที่ผ่านมาผู้รับจ้างละทิ้งงานจึงทำให้งานคั่งค้างและงบประมาณเหล่านี้ก็จะตกเป็นเงินสะสม แต่ที่น่าสงสัยคือ ในปีที่ผ่านมาการตั้งงบประมาณ 35 ล้านบาท ก็เพื่อสร้างอาคาร 7 ชั้น แต่การตั้งโครงการใหม่กลับพบว่า มีขนาดความสูงของอาคารเพียง 4 ชั้น แต่เสนอขอจัดสรรงบประมาณกว่า 46 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมหลังร่วมอภิปราย และซักถามโครงการต่างๆ โดยละเอียดซึ่งใช้เวลานานหลายชั่วโมง สุดท้ายก็พิจารณารับหลักการในวาระที่ 1 ก่อนจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาและรับฟังรายละเอียดเพิ่มเติมจากการอภิปรายไว้ ก่อนพิจารณาความเห็นชอบในวาระที่ 2 และ 3 ต่อไป
