อุตรดิตถ์ - บัณฑิตวารสารศาสตร์ เผย “คำขวัญใหม่อุตรดิตถ์” สุ่มเสี่ยงกระทบความสัมพันธ์ไทย-ลาว ขณะที่ชาวอุตรดิตถ์ จี้ผู้ว่าฯ ออกประกาศยกเลิก ก่อนลุกลาม
วันนี้ (27 ส.ค.) นายมรุเดช ไทยดิตถ์ อายุ 34 ปี เจ้าของเพจ “ลาเต้ ยูทีดีคลับ” ซึ่งเป็นเพจที่สร้างขึ้นมาเพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสารความเคลื่อนไหว-เตือนภัยชาวอุตรดิตถ์ กล่าวว่า หลังจากนำเรื่องราวการเปลี่ยนคำขวัญของจังหวัดฯ จากเดิม “เหล็กน้ำพี้ลือเลือง เมืองลางสาดหวาน บ้านพระยาพิชัยดาบหัก ถิ่นสักใหญ่ของโลก” เปลี่ยนไปเป็น “พระแท่นศิลาอาสน์ศักดิ์สิทธิ์ เขื่อนสิริกิติ์น่านนที เหล็กน้ำพี้ลือเลือง ลับแลหลงหลินลางสาดหวาน บ้านพ่อพระยาพิชัยดาบหัก ถิ่นสักใหญ่ของโลก บ้านโคกภูดู่ประตูสู่ลาวลานช้าง” เผยแพร่ผ่านเพจ สมาชิกส่วนใหญ่ต่างบอกว่า ไม่ชอบคำขวัญใหม่
นายมรุเดช กล่าวว่า เหตุผลหลายๆ ประการที่ชาว จ.อุตรดิตถ์ ไม่ชอบคำขวัญใหม่ของ จ.อุตรดิตถ์นั้น ประกอบด้วย คำขวัญใหม่ไม่ไพเราะ ยาวเกินไปยากต่อการจดจำ คำขวัญบอกสิ่งต่างๆ ในจังหวัดก็จริง แต่คนจังหวัดอื่นจะทราบได้อย่างไร ทำไมคำขวัญประจำจังหวัดนี้ถึงไม่บอกชื่อคนแต่งที่ชนะเลิศการประกวด หรือมีสิ่งใดแอบแฝงจนไม่สามารถบอกได้ ชอบคำขวัญประจำจังหวัดอันเดิมมากกว่า แต่ถ้าจะปรับเปลี่ยนควรปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม สวยงาม และดูดีกว่าอันเดิม ไม่ได้รู้สึกแย่เหมือนคำขวัญนี้ และภาครัฐไม่เคยทำประชาคมกับประชาชนเลย เหมือนเสียงของพี่น้องประชาชนไม่สำคัญ
และล่าสุด นางจิตรา ผดุงศักดิ์ บัณฑิตวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้คลุกคลี และเชี่ยวชาญด้านศิลปวัฒนธรรม สปป.ลาว มานานกว่า 20 ปี ติดต่อให้ข้อมูลว่า ท่อนหนึ่งในคำขวัญใหม่ที่ว่า “ประตูสู่ลาวล้านช้าง” เป็นคำที่ใช้ไม่ได้
เนื่องจากความหมายของคนไทยอาจหมายถึง “อารยธรรมล้านช้าง เหมือนล้านนาล้านช้าง” แต่เมื่อเหมารวมสั้นๆ ว่า “ลาวล้านช้าง” ความหมายจะเปลี่ยนทันที อาจมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ เพราะล้านช้างเป็นระบอบการปกครองเก่าของ สปป.ลาว ที่ปัจจุบันปฏิวัติมาแล้ว ซึ่งสัญลักษณ์ของราชวงศ์ล้านช้าง เช่น ช้าง 3 เศียร ยังไม่ให้ใช้ที่ สปป.ลาวเลย
“ประเด็นนี้อ่อนไหวมาก อาจถึงขั้นกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้” นายมรุเดช กล่าว
เจ้าของเพจ “ลาเต้ ยูทีดีคลับ” ยังกล่าวอีกว่า อยากฝากถึงผู้ที่คิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือผู้ที่ร่วมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ควรรับฟังสิ่งที่ผู้มีความรู้ เชี่ยวชาญในเรื่อง สปป.ลาว หากต้องการจะเปลี่ยนโดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของประชาชนส่วนใหญ่ พอมีปัญหาเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แล้วใครจะมารับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะนายพิพัฒน์ เองวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ก็จะโยกย้ายไปเป็นผู้ว่าราชการ จ.สุโขทัย แล้ว อย่าให้ชาว จ.อุตรดิตถ์ ต้องมาจดจำเรื่องราว และสิ่งไม่ดีแบบนี้เลย
“หากประกาศยกเลิกคำขวัญใหม่ได้ก็ควรที่จะทำอย่างยิ่ง ไม่ควรสวนกระแสเหมือนกับหลายเรื่องที่เกิดขึ้น โดยไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของชาวอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน”