ศรีสะเกษ - คืบหน้ ผอ.สาวอบต.ชำหายตัว ล่าสุด ชาวลาวพบหัวกะโหลกมนุษย์ และผ้าคล้ายกระโปรงผู้หญิงสีแดงใกล้กัน ใต้ผานางอิง แขวงจำปาสัก แม่ ผอ.อ้อย เห็นภาพมั่นใจ 70% เป็นลูกสาวของตัวเอง แต่ทางการ สปป.ลาว ไม่อนุญาตให้เข้าไปตรวจสอบ วอนฝ่ายรัฐไทยช่วยประสาน
จากกรณีที่ นายวิทยา เกษแก้ว อายุ 37 ปี สามีของ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน ผู้อำนวยการกองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนตำบลชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นำญาติพี่น้องออกตามหา น.ส.จุฑาภรณ์ ที่หายไปตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.60 ขณะนี้เวลาผ่านไปนานร่วม 2 เดือนแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบตัว น.ส.จุฑาภรณ์
ทั้งนี้ นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน อายุ 62 ปี พ่อของ น.ส.จุฑาภรณ์ เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงมาให้ความช่วยเหลือ โดยให้ดีเอสไอเข้ามาดูแลคดี เนื่องจากว่าผู้เกี่ยวข้องเป็นคนมีสี เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม อีกทั้งการดำเนินคดีล่าช้ามาก เหมือนกับว่าต้องการซื้อเวลาบางอย่าง ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (26 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่บ้านเลขที่ 65 บ้านโนนเจริญ ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายโชคชัย สายแก้ว นายก อบต.เสาธงชัย และนายบัวกัน อุ่นอ่อน ผู้ใหญ่บ้านโนนเจริญ ซึ่งเป็นอาของ น.ส.จุฑาภรณ์ เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วยญาติพี่น้องได้พากันเดินทางไปที่บ้านเตว เมืองมน แขวงจำปาสัก สปป.ลาว เพื่อจะขออนุญาตทางการลาวเข้าไปที่บริเวณผานางอิง ติดชายแดนไทย จุดพบศพปริศนา ซึ่งญาติสงสัยว่าจะเป็นศพ น.ส.จุฑาภรณ์หรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของลาวไม่อนุญาตให้เข้าไปบริเวณดังกล่าว เนื่องจากว่าไม่มีการยื่นขออนุญาตเข้าไปอย่างเป็นทางการจากฝ่ายไทย
นายโชคชัย สายแก้ว นายก อบต.เสาธงชัย กล่าวต่อว่า ตน และคณะได้รับภาพจากชาวลาวคนหนึ่งที่เข้าไปพบศพที่ผานางอิง โดยเป็นภาพหัวกะโหลกมนุษย์วางอยู่กับพื้น และภาพลักษณะคล้ายกับกระโปรงผู้หญิงสีแดงกองอยู่ใกล้กัน พวกตนจึงเดินทางกลับเข้ามาในเขตแดนไทย จากนั้นจะได้ประสานงานกับทางการของไทยเพื่อขออนุญาตฝ่ายลาวอย่างเป็นทางการ เข้าไปตรวจสอบศพที่บริเวณดังกล่าว ซึ่ง ผอ.อ้อย หายไปนานร่วม 2 เดือน ศพคงเหลือแต่กระดูก
ด้าน นางแหลม อุ่นอ่อน อายุ 60 ปี แม่ของ น.ส.จุฑาภรณ์ กล่าวว่า ยังไม่มีใครเข้าไปพบศพบริเวณผานางอิง มีเพียงคำบอกเล่าของชาวลาวเท่านั้น แต่จากการตรวจสอบข้อมูลแล้วทราบว่า จุดพบศพอยู่ใต้หน้าผา ศพเหลือเพียงโครงกระดูก ซึ่งตนมั่นใจ 70 เปอร์เซ็นต์ ว่า อาจจะเป็นศพลูกสาวตน จึงให้ญาติเข้าไปขออนุญาตจากทางราชการของไทยเพื่อเข้าไปในเขตประเทศลาว เพื่อต้องการพิสูจน์ศพดังกล่าว