กำแพงเพชร - “เสี่ยหมี-เถ้าแก่โรงสีดังเมืองกล้วยไข่” เปิดโรงสีแถลงโต้อดีต ส.ส.ปชป. หลังถูกพาดพิงเป็นโรงสีข้าวคนแต่ประมูลข้าวเป็นอาหารสัตว์-รมต.นั่ง ฮ.มาประชุมลับ จนกระทบธุรกิจแรงถึงขั้นแบงก์ไม่ให้เบิกเงิน บอกทำธุรกิจมา 30 ปีชื่อเสียป่นปี้หมด เล็งให้ทนายตั้งแท่นฟ้องกลับ
วันนี้ (8 ส.ค.) นายรังสรรค์ (เสี่ยหมี) สบายเมือง อายุ 56 ปี เจ้าของบริษัท กำแพงเพชรเอ็กซปอร์ต จำกัด (โรงสีสนั่นเมือง) ได้เปิดการแถลงข่าว พร้อมนำสื่อมวลชนร่วม 20 คนเข้าดูกระบวนการผลิตอุตสาหกรรมอาหารสัตว์จากข้าวที่ประมูลมาจากสัญญาของรัฐ
หลังถูกอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ให้สัมภาษณ์ (เมื่อ 30 ก.ค. 60) พาดพิงเรื่องมี รมต.นั่ง ฮ.มาตรวจโรงสี และเป็นโรงสีสีข้าวคน แต่ทำไมประมูลแปรรูปข้าวส่งเป็นอาหารสัตว์ ทั้งยังแถลงต่อสื่อมวลชนด้วยว่ารัฐมนตรีนั่งเฮลิคอปเตอร์มาตรวจเยี่ยมโรงสีข้าวที่จังหวัดกำแพงเพชร พร้อมกับประชุมลับกับเจ้าของโรงสีนานกว่า 40 นาที
เสี่ยหมีบอกว่า กรณีอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กล่าวมาไม่เป็นความจริง แต่ยอมรับว่ารัฐมนตรีได้มาเยี่ยมชมโรงงานจริง แต่ไม่ใช่วันเวลาที่อดีต ส.ส.กล่าวอ้าง อีกทั้งระหว่างที่มีการเยี่ยมชมก็มีสื่อมวลชน และคนร่วมคณะกว่า 10 คน ไม่มีการประชุมลับอย่างที่อดีต ส.ส.คนดังกล่าวพูดผ่านสื่อไปว่า “รัฐมนตรีกับตนประชุมลับกันเพียงสองคน”
นอกจากนี้ การระบุว่าโรงสีของตนเป็นโรงสีข้าวคนไม่ใช่โรงสีอาหารสัตว์ ทำให้ตนเสียหาย จึงจำเป็นต้องเปิดแถลงข่าวเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้เยี่ยมชมโรงสี พร้อมกับให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมเอกสารพยานหลักฐานเพื่อจะฟ้องดำเนินคดีต่ออดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ คนนี้ต่อไป
นายรังสรรค์กล่าวต่ออีกว่า โรงสีสนั่นเมืองได้ประกอบกิจการมาร่วม 30 ปี ถูกอดีต ส.ส.คนดังกล่าวแถลงแค่ไม่ถึง 10 นาที ทำให้ชื่อเสียงที่ทำมาต้องหมองหม่น มัวหมองลง ถูกมองว่ามีการกระทำที่งุบงิบอะไรหรือเปล่า..? ทำให้เกิดความไม่สบายใจ เป็นกังวล ที่ท่านได้ออกมาแถลงข่าวแบบนี้ โดยข้อมูลท่านว่าเราประมูลข้าวมาได้ 160,000 ตัน แต่ข้อเท็จจริงเราได้เพียง 94,000 ตันเท่านั้น
เสี่ยหมีบอกอีกว่า นอกจากการผลิตข้าวให้คนกินแล้ว ทางเรายังผลิตอาหารสัตว์ ทำมาตั้งแต่ผลิตได้วันละ 6 ตัน จนทุกวันนี้ผลิตได้ 900 กว่าตันต่อวัน อันเป็นผลที่ได้มาจากความขยัน และอดทนทั้งสิ้น ซึ่งการผลิตอาหารสัตว์จากข้าวที่ประมูลมานั้น คุณภาพข้าวจะเป็นอย่างไรเราก็นำผลิตอาหารสัตว์ คู่สัญญาของรัฐในเรื่องอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ เราก็ต้องผลิตให้ได้ตามสัญญา
“การให้สัมภาษณ์ของอดีต ส.ส.คนดังกล่าวส่งผลกระทบต่อบริษัทเรามาก ในแวดวงธุรกิจจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น ข่าวดังไปทั่วจากการสื่อสารในยุคปัจจุบัน เขาแถลง และพูดพาดพิงในวันที่ 30 ก.ค. วันที่ 31 ก.ค.ไปเบิกสตางค์ที่ธนาคารเพื่อนำมาชำระค่าข้าว 144 ล้านบาท ทางสำนักงานใหญ่ธนาคารแห่งหนึ่งไม่ยอมให้เบิก อ้างว่าขอตรวจสอบข้อมูลก่อนเพราะข่าวนี้”
นายรังสรรค์ยังย้ำอีกว่า วันที่รัฐมนตรีเดินทางมาตรวจการผลิต มาดูวิธีการควบคุมดูแลข้าวที่จะนำไปทำอาหารสัตว์ การเก็บ การส่ง ได้อธิบายให้ท่านรับทราบในเรื่องนี้เรื่องเดียว ไม่มีการประชุมลับกันสองต่อสองเลย และท่านมา ก็ไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าด้วย
“เรื่องนี้เราจะทำในทุกเรื่องที่สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นทางกฎหมาย เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของเรากลับมา ตัวผมเองคิดเสมอว่าความรู้สึกของคนอายุ 50 จะพูดอะไรต้องคิดก่อนพูดเสมอ ซึ่งเรื่องนี้ขอเรียนว่าใครจะทำอะไรอย่างไรคงไม่เกี่ยวกับพรรค แต่น่าจะเป็นตัวบุคคล ซึ่งได้ให้ฝ่ายกฎหมายของเราดำเนินการเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไปแล้ว”