พิจิตร - ผู้บริหาร แพทย์ พยาบาล รพ.พิจิตร ยืนยันสนับสนุนแก้ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพฯ ย้ำทุกวันนี้ขาดสภาพคล่องหนัก ติดลบเกือบ 200 ล้าน ตึกใหม่เปิด ICU ได้แค่ 20 กว่าเตียง รวมของเก่ายังไม่ถึงมาตรฐาน ห้องผ่าตัดต้องแย่งกันเหมือนเก้าอี้ดนตรี
นายแพทย์วิริยะ เอี๊ยวประเสริฐ ผอ.รพ.พิจิตร พร้อมคณะแพทย์ พยาบาลระดับบริหารเกือบ 20 คน ร่วมกันยืนยันถึงภาวะวิกฤตการเงินของ รพ.พิจิตร ระหว่างประกาศสนับสนุนการแก้ไข พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ว่า ทุกวันนี้ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล หรือ สป.สช.แบบรายหัว ประมาณ 3,000 บาทต่อคน
แต่ต้องถูกเหมารวมรายจ่าย และเงินเดือนบุคลากรที่ต้องนำไปหักยอดข้างต้นอีก 2,004 บาท เหลือเงินรายหัวตัวเลขกลมๆ แค่พันบาทเท่านั้น จึงทำให้ขาดสภาพคล่อง จนทุกวันนี้ รพ.พิจิตร เป็นหนี้ติดลบมากถึง 198 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดสะสมพัวพันมาหลายปี
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าทางโรงพยาบาลได้ทำทุกวิถีทางในการบริหารจัดการไม่ให้มีผลกระทบต่อประชาชน โดยทุกวันนี้ต้องใช้วิธีประชารัฐร่วมใจทอดผ้าป่าสามัคคีขอรับเงินบริจาคจากผู้ป่วย จากผู้ใจบุญแบบรายวัน ซึ่งก็ได้ตั้งเป็นเงินกองทุนบัญชีผ้าป่าเพื่อบริหารจัดการภายในโรงพยาบาล จัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย โดยมีคณะกรรมการคอยตรวจสอบ
นายแพทย์วิริยะ ระบุว่า รพ.พิจิตร มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในหลายสาขา เช่น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทางเดินปัสสาวะต่อมลูกหมาก แต่ทุกวันนี้กลับกลายเป็นว่า แม้จะมีบุคลากรมีคุณภาพ แต่ยังขาดเครื่องมือ หรืออุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัย เหตุเป็นเพราะระบบบริหารจัดการที่ผ่านมาไม่สอดคล้องต่อแนวทางของผู้ปฏิบัติ
นายแพทย์วิริยะ กล่าวอีกว่า รพ.พิจิตร เป็น รพ.ขนาดใหญ่ มี 405 เตียง มีผู้ป่วยนอกเฉลี่ยวันละ 1,000-1,200 คน มีบุคลากลทุกสาขารวมแล้วประมาณ 1,200 คน คาดว่าก่อนสิ้นปีนี้จะเปิดตึก 6 ชั้น อาคารหลังใหม่ที่ได้งบประมาณมาเพียงการสร้างอาคาร แต่ยังขาดอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สำคัญอีกหลายรายการ ซึ่งยอมรับว่าจะต้องหาเงินจากผู้บริจาคเพื่อทำห้อง ICU หรือผู้ป่วยฉุกเฉินที่ตามมาตรฐานต้องมี 10% หรือ 40 เตียง แต่ทุกวันนี้มีแค่ 12 เตียง ตึกใหม่เปิดได้เพิ่มแค่ 22 เตียง รวมถึงห้องผ่าตัดก็มีเพียงแค่ 9 ห้อง ใช้มาหลายสิบปี
“ทุกวันนี้มีผู้ป่วยมีคนไข้ฉุกเฉินจะต้องผ่าตัด แพทย์ก็ต้องเข้าคิวแย่งห้องผ่าตัดกันเหมือนแย่งเก้าอี้ดนตรี ดังนั้น ปัญหาเช่นนี้รัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข สป.สช. และประชาชนควรต้องรับรู้ และหันหน้าเข้าหากันเพื่อปรึกษาหารือหาแนวทางแก้ไข เพื่อส่งเสริม ป้องกัน รักษาโรคภัยไข้เจ็บของประชาชนอย่างมีคุณภาพให้ดีให้ได้ต่อไป”
แพทย์หญิงชัญวลี ศรีสุโข หัวหน้ากลุ่มงานแผนกสูตินรีเวช รพ.พิจิตร กล่าวว่า ผู้ปฏิบัติรู้ปัญหาแต่เป็นเพียงเสียงสะท้อนจากคนตัวเล็กๆ ไปไม่ถึงระดับผู้บริหาร ดังนั้น จึงขอเสนอให้แก้ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพ ในมิติต่างๆ ทั้ง 14 ข้อ ที่เคยเสนอไปแล้ว
และมี 4 ประเด็นหลักที่แพทย์-พยาบาลของ รพ.พิจิตร อยากเสนอ เพราะหลายปีที่ผ่านมางบสนับสนุนที่บอกว่า รพ.พิจิตร ได้ค่าหัว 3,000 บาท แท้ที่จริงหักแล้วเหลือแค่พันกว่าบาทที่จะใช้เพื่อการส่งเสริมป้องกันรักษาผู้ป่วย แต่แพทย์พยาบาลในชนบทก็กัดฟันแก้ไขจนผ่านวิกฤต จึงทำให้ไม่มีผลกระทบต่อผู้ยากไร้ แต่ก็ทำให้ดีที่สุดไปมากว่านี้ไม่ได้ เพราะขาดเงินงบประมาณ
นพ.เสรี วุฒินันท์ชัย หัวหน้ากลุ่มงานกุมารเวชกรรม รพ.พิจิตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ควรแยกการเงินและค่าตอบแทนของหน่วยบริการภาครัฐออกจากค่าเหมาจ่ายรายหัว เพื่อให้มีงบประมาณบริการประชาชนเท่าเทียมกัน เพราะทุกวันนี้โรงพยาบาลใหญ่ได้มาก โรงพยาบาลเล็กได้น้อย บางแห่งได้แค่เพียง 500 บาทต่อหัว ซึ่งทำให้ไม่เสมอภาค ทั้งๆที่ สิทธิผู้ป่วย และสิทธิของแพทย์พยาบาลควรเท่าเทียมกันทั่วประเทศ แต่ทุกวันนี้หาเป็นเช่นนั้นไม่
นายแพทย์วิศิษฎ์ อภิสิทธิ์วิทยา ผอ.รพ.บางมูลนาก-ดงเจริญ ที่เรียกตนเองว่า “หมอบ้านนอก” เกิดและเติบโตเป็นหมอในจังหวัดพิจิตรบ้านเกิด กล่าวเสริมว่า ควรปรับปรุง พ.ร.บ.ประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้เสมอภาค และเท่าเทียมกัน “ประชาชนต้องมีสุขภาพที่ดีขึ้น เจ้าหน้าที่มีความสุข ปรับปรุงก้าวไปข้างหน้า เปลี่ยนแปลงเพื่อให้วงการแพทย์ และการดูแลรักษาสุขภาพของประชาชนให้ดีขึ้น”
แพทย์หญิงเพ็ญศรี มโนวชิรสรรค์ รอง ผอ.ด้านปฐมภูมิและทุติยภูมิ รพ.พิจิตร กล่าวเสริมอีกว่า ทุกวันนี้สังคมผู้สูงอายุมีมากขึ้น การเจ็บไข้ได้ป่วยก็มีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว เฉพาะพิจิตร เกือบ 20% เป็นผู้สูงอายุ ป่วยติดบ้านติดเตียงมีค่าใช้จ่าย ค่ายา ค่าดูแลรักษาอื่นๆ อีกมากมาย แต่บางครั้งก็ติดด้วยระเบียบการเบิกจ่าย วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้องปรับปรุงระบบการบริหารด้วยการแก้ไข พ.ร.บ.ประกันสุขภาพ
ผอ.รพ.พิจิตร กล่าวสรุปปิดท้ายว่า วิกฤตปัญหาการเงินที่ส่งผลสะเทือนไปถึงประชาชนเกิดจากระเบียบ และข้อกฎหมาย ดังนั้น จึงควรแก้ที่ พ.ร.บ.ประกันสุขภาพ แล้วให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม มองปัญหาให้รอบด้านทั้ง รายจ่าย รายรับ การบริหารจัดการหารายได้ในการให้บริการแบบระบบ การจ่ายร่วม แต่ไม่ใช่การจ่ายเพิ่ม เช่น การทอดผ้าป่า การจัดกิจกรรมการกุศล ให้บริการนอกเหนือบัตรทอง เช่น เสริมความงามอย่างนี้ เป็นต้น