พิษณุโลก - ศูนย์เกษตรหนึ่งใจฯ ร่วมกับ นพค.34 พร้อมตัวแทนบริษัทเอกชน ร่วมทำดีถวาย “พระเจ้าอยู่หัว ร.10” ดึงเยาวชนร่วมอนุรักษ์ผักพื้นบ้าน-เศรษฐกิจพอเพียง พร้อมระดมเงิน-ของบริจาคช่วยครอบครัวหนูน้อยวัย 5 ขวบพิการตั้งแต่เกิด-โรครุม ต้องผ่าตัดทั้งตัว แถมพ่อป่วยซ้ำ
วันนี้ (25 ก.ค.) รศ.ดร.จุรีย์รัตน์ ลีสมิทธิ์ รองผู้อำนวยการ ศูนย์เกษตรหนึ่งใจ กองงาน “หนึ่งใจ...ช่วยเหลือเกษตรกร” มูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ โครงการตามพระดำริในพระองค์ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี, พ.อ.กฤตพันธุ์ รักใคร่ ผู้บังคับการ นพค.34 ที่ปรึกษากองงาน “หนึ่งใจ...ช่วยเหลือเกษตรกร” มูลนิธิฯ พร้อมตัวแทนบริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด, บริษัท ฮงฮวด จำกัด ร่วมกิจกรรมถวายพระพรชัยมงคล และถวายเป็นพระราชกุศล
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เจริญพระชนมพรรษา 65 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2560
ในโอกาสนี้ นายอิสระ วงศ์อินทร์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีดฯ ได้นำเมล็ดพันธุ์ผักตรา “ศรแดง” มาให้เยาวชนปลูก และอบรมเรียนรู้ยังสถานีอนุรักษ์ผักพื้นบ้านต้นแบบแห่งแรกที่ นพค.34 จังหวัดพิษณุโลก ตามโครงการ “เกษตรหนึ่งใจ อนุรักษ์ผักพื้นบ้าน” เนื่องจากผักพื้นบ้านหลายชนิดหายากกำลังใกล้สูญพันธุ์
ขณะที่บริษัท ฮงฮวด จำกัด ได้นำหัวเชื้อการผลิตแชมพู สบู่เหลวอาบน้ำ น้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า และเจลล้างมือ มาร่วมให้เยาวชนฝึกอบรม-ดูการผลิต เพื่อสร้างรายได้เสริม และใช้เองในครัวเรือน โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙
รศ.ดร.จุรีย์รัตน์กล่าวว่า กิจกรรมต่างๆ ที่ดำเนินการนั้นมีเป้าหมายเพื่อจุดประกายให้เยาวชนอนุรักษ์ผักพื้นบ้าน ด้วยการน้อมนำแนวพระราชดำริหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยได้รับความร่วมมือจาก นพค.34 และภาคเอกชนอย่างเต็มที่
ด้าน พ.อ.กฤตพันธุ์กล่าวว่า นอกจากนำเยาวชนทำความดีดังกล่าวแล้ว ล่าสุดมีครอบครัวหนึ่ง ซึ่งพิการทั้งลูก ทั้งพ่อ ได้เดินทางมาหาตนถึงที่ทำงาน บอกว่าลำบาก ไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ ตนจึงมอบข้าว และเงินไปจำนวนหนึ่ง จากนั้นได้แจ้งข่าวความเดือดร้อนส่งไปยังกลุ่มเพื่อนๆ ทางไลน์ และเฟซบุ๊กเพื่่อให้การช่วยเหลือต่อ ทำให้มีผู้ใจบุญร่วมบริจาคข้าวของเครื่องใช้ แพมเพิร์สแก่นางลำไพในวันนี้ เพื่อนำไปดูแลลูกชายที่พิการต่อไป
นางลำไพ ทัดดวง อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 287 ม.3 ต.บ้านกร่าง อ.เมืองพิษณุโลก กล่าวว่า ตนทำงานแม่บ้าน ส่วนสามีคือ นายประทุม เพชรทอง อายุ 52 ปี เป็นยามที่องค์การโทรศัพท์พิษณุโลก มีบุตรชายด้วยกัน 1 คน ชื่อ ด.ช.ทิติวัฒน์ เพชรทอง อายุ 5 ขวบ สภาพร่างกายพิการมาตั้งแต่เกิด เนื่องจากเป็นโรคศีรษะโต เคยผ่าตัดที่ศีรษะ 4 ครั้งเพื่อต่อท่อจากศีรษะให้น้ำระบายออกทางกระเพาะปัสสาวะ และเป็นโรคกรดไหลย้อนอย่างรุนแรงจนอาการชัก
นอกจากนั้นยังต้องผ่าตัดช่องท้องอีกหลายครั้งเพราะลำไส้ตัน จนเกิดอาการลำไส้เน่า ต้องให้อาหารทางสายยางทางหน้าท้องแทน และยังต้องเจาะคออีก เนื่องจากหลอดลมตีบทำให้กินอาหารทางปากไม่ได้ ปัจจุบันต้องไปพบแพทย์ตามนัดประมาณเดือนละครั้ง หรือขึ้นอยู่กับอาการ หากมีการชักเกร็งบ่อยต้องพาไปหาหมอทันที
“ทุกวันนี้ฉันรับภาระค่าใช้จ่ายดูแลลูกชายค่อนข้างสูงจนเดือดร้อนมาก ทั้งเรื่องอาหารที่ต้องซื้อมาให้ลูกวันละ 70 บาท ค่าผ้าออมแพมเพิร์สเดือนละ 800-900 บาท นอกจากนั้นยังมีค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ต้องใช้ดูแลรักษาลูก”
นางลำไพกล่าวว่า ต่อมาสามีตนมีอาการวูบหมดสติหลายครั้ง หลังจากไปพบแพทย์ พบว่าเป็นโรคหัวใจเต้นผิดปกติ ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลโรคทรวงอก จ.นนทบุรี พร้อมกับใส่กล่องช่วยการเต้นของหัวใจเอาไว้บริเวณหน้าอก เพื่อให้หัวใจเต้นตามปกติ
“ตอนนั้นยังมีประกันสังคมในการรักษา ต่อมาได้มาเปลี่ยนกล่อง 2 ที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ก็ใช้สิทธิบัตรทอง ส่วนการจะเปลี่ยนกล่องหัวใจแต่ละครั้งแพทย์เป็นผู้วินิจฉัย โดย 6 เดือนจะมาตรวจครั้งหนึ่ง จึงทำให้สามีไม่สามารถทำงานได้เหมือนปกติ”
นางลำไพกล่าวอีกว่า ทุกวันตนต้องให้สามีเป็นคนดูแลลูก ส่วนตนจะออกไปรับจ้างล้างจานวันละ 280 บาท หลังจากเลิกงานจะกลับมาดูแลลูก ส่วนสามีจะออกไปเก็บของเก่าตามกองขยะเอาไปขายหาเงินมาช่วยเหลืออีกทาง แต่ก็ไม่พอกับค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน จึงอยากวิงวอนผู้ใจบุญช่วยเหลืออีกทาง
ทั้งนี้ หากผู้ใจบุญต้องการช่วยเหลือสามารถติดต่อสอบถามได้ที่นางลำไพ หมายเลขโทรศัพท์ 08-2759-9387 หรือโอนเงินบริจาคได้ที่หมายเลขบัญชี 767-0-23130- 0 สาขาท็อปแลนด์ พิษณุโลก