ลำปาง - พ่อแม่ ผู้ปกครอง นร.อนุบาลลำปาง ขยับนัดรวมตัวค้นหาหลักฐานการจ่ายเงินสารพัดเข้า สนง.ผอ. แทบทุกบาททุกสตางค์ เตรียมส่ง สตง. ป.ป.ช. สพป. กรรมการ ศธจ. สอบ ผอ.ฉาวเพิ่ม แถมพบปมใหม่ประกันหมู่เด็กยังไม่ได้ ทั้งที่จ่ายเงินแล้ว เงินใส่ซองกฐินไม่เคยแจกแจง
ความคืบหน้าการตรวจสอบเงื่อนงำการใช้เงินโรงเรียน เงินบำรุงการศึกษาของผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลลำปาง ที่ นางสุรณี กัลยารัตนกุล หรือครูต้อย ครูเกษียณ อดีตเลขาส่วนตัวของนายประยูร เรียนปิงวัง ผอ.ร.ร.อนุบาลลำปาง หอบหลักฐานออกมาร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม สื่อมวลชน กระทั่งมีการสั่งย้าย ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง นายประยูร ตามข่าวที่ “MGR Online ผู้จัดการ360” นำเสนอมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุด ผู้ปกครองเด็กนักเรียนโรงเรียนอนุบาลลำปาง ส่วนหนึ่งได้รวมตัวกันเพื่อหาข้อมูลการชำระเงินให้แก่โรงเรียนในปีที่ผ่านๆมา ว่า ได้จ่ายเงินอะไรไปบ้าง และยังเก็บรักษาใบเสร็จอะไรไว้บ้างเพื่อเป็นหลักฐาน พร้อมกับเริ่มล่ารายชื่อผู้ปกครองทั้งหมดที่ได้ชำระเงินผ่านสำนักงาน ผอ. เพื่อจะได้นำไปประกอบการยื่นให้ สตง. ป.ป.ช. และสำนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษาลำปาง เขต 1 คณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ศึกษาธิการจังหวัดฯ ได้พิจารณาเพิ่มเติมอีกครั้ง
เบื้องต้น จากการตรวจสอบข้อมูลการชำระเงินของผู้ปกครอง ทางโรงเรียนกำหนดเป็นค่าบำรุงการศึกษา โดยแบ่งออกเป็นห้องเรียนปกติ ยอดรวม 23,250 บาท (ค่าธรรมเนียมการเรียนตลอดปีการศึกษา 13,000 บาท ค่าอาหารกลางวัน 4,000 บาท ค่าว่ายน้ำ 2,000 บาท ค่าประกันอุบัติเหตุ 250 บาท ค่าเครื่องใช้และเครื่องนอน 1,500 บาท ค่า Summer 2,500 บาท)
ห้องเรียนพิเศษ Mini English Program(MEP) ยอดรวม 41,250 บาท (ค่าธรรมเนียมการเรียนตลอดปีการศึกษา 35,000 บาท ค่าว่ายน้ำ 2,000 บาท ค่าประกันอุบัติเหตุ 250 บาท ค่าเครื่องใช้และเครื่องนอน 1,500 บาท ค่า Summer 2,500 บาท)
แต่จากยอดเงินทั้งหมดที่ผู้ปกครองต้องชำระที่สำนักงาน ผอ. กลับได้รับใบเสร็จจริงตามระเบียบ สพฐ.เพียง 10,750 บาทเท่านั้น ส่วนที่เหลือจะเป็นใบเสร็จรับเงินทั่วไปที่ปั๊มชื่อโรงเรียน และเป็นลายมือเขียนข้อความเท่านั้น ซึ่งตรงกับที่ “ครูต้อย” ได้จดบันทึกไว้ ทำให้เห็นว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ผู้ปกครองจ่ายเข้าโรงเรียนน่าจะต้องผ่านสำนักงาน ผอ.ก่อนที่จะมีการจ่ายออกไปยังส่วนอื่นๆ ของโรงเรียน
และที่ผู้ปกครองเพิ่งทราบข้อมูล ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องต่อบุตรหลานที่เรียนในโรงเรียนแห่งนี้คือ เรื่องประกันอุบัติเหตุกลุ่มของโรงเรียน ที่ผู้ปกครองได้จ่ายเงินไปทุกปีๆ ละ 250 บาท พบว่า บัตรประกันล่าสุดคุ้มครองถึงวันที่ 1 เม.ย.60 หลังจากนั้น ผู้ปกครองนักเรียนต้องสำรองเงินค่ารักษาพยาบาลไปก่อน ทั้งๆ ที่ผู้ปกครองได้ชำระเงินไปทั้งหมดแล้ว
ล่าสุด แหล่งข่าวแจ้งว่า จากการสอบถามบริษัทที่รับทำประกัน คือ บริษัทสยามสไมล์ แจ้งว่า ทางโรงเรียนยังแจ้งรายชื่อนักเรียนไม่ครบ จึงไม่สามารถออกบัตรให้ได้
ขณะที่ผู้ปกครองอีกส่วนหนึ่งได้ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ภายในโรงเรียนว่า รายชื่อนักเรียนครบตั้งแต่วันที่ผู้ปกครองชำระเงินแล้ว แต่ที่บริษัทประกันยังไม่ออกบัตรให้นักเรียน น่าจะเกิดจากการที่โรงเรียนยังชำระเงินให้ทางบริษัทไม่ครบ ซึ่งขณะนี้เวลาเอาประกันได้ล่วงเลยเวลามาเกือบ 3 เดือนแล้ว ผู้ปกครองหวั่นหากในช่วงเวลาดังกล่าวบุตรหลานประสบอุบัติเหตุขึ้นมาจะไม่มีประกันรับผิดชอบ
นอกจากนี้ ผู้ปกครองยังตั้งข้อสังเกตุ และอยากให้ตรวจสอบกรณีที่ทางโรงเรียนจัดกิจกรรมถวายกฐิน ทานตุง เข้าโรงเรียนบ่อยครั้ง โดยแต่ละครั้งจะให้นักเรียนทุกคน ทุกชั้นซึ่งมีกว่า 3,000 คน นำตุงจากโรงเรียนไปให้ผู้ปกครองใส่เงินในซองตุงขั้นต่ำ 120 บาท หรือบางคนที่พ่อแม่มีฐานะ ก็จะใส่ซองมากกว่านั้น
“หากคำนวนคร่าวๆ ใส่ซองขั้นต่ำคนละ 120 บาท จำนวน 3,000 คน กิจกรรมแต่ละครั้งก็จะมีรายรับสูงถึงกว่า 3 แสนบาท แต่สุดท้ายผู้ปกครองก็ไม่เคยได้รับทราบความคืบหน้าโครงการต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการบริจาคเงินเหล่านี้เลย”
ในเรื่องนี้แหล่งข่าวในโรงเรียน ระบุว่า กิจกรรมในด้านต่างๆ เหล่านี้จะมีกลุ่มงานที่ตั้งขึ้นเป็นกรณีพิเศษเพื่อดำเนินโครงการโดยเฉพาะ เมื่อได้เงินแล้วก็จะมีการจัดสรรแบ่งส่วนกันไป
และเมื่อตรวจสอบรายรับรายจ่ายในบัญชีที่ “ครูต้อย” บันทึกไว้ ก็จะเห็นว่ารายได้ส่วนนี้ “ครูต้อย” ลงบันทึกรายรับไว้ว่ารับเงินโครงการ
ส่วนรายรับเบ็ดเตล็ดที่สามารถหาเงินเข้าสำนักงาน ผอ.ได้อีกส่วนหนึ่ง ก็คือ ค่าคอมมิชชันกรณีอนุญาตให้ร้านค้าเอกชนนำหนังสือเข้ามาจำหน่ายในโรงเรียนแต่ละครั้งด้วย
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระบุว่า ขณะนี้ทาง สตง. ได้มีการแบ่งเจ้าหน้าที่เข้าสอบสวนข้อเท็จจริง 2 ชุดๆ แรกจะตรวจสอบหาข้อเท็จจริงในทุกเรื่อง โดยให้ครู และบุคลากรในโรงเรียนเดินทางไปให้ถ้อยคำที่ สตง. ส่วนชุดที่ 2 ทำหน้าที่เก็บข้อมูลด้านเอกสาร และสอบเรื่องเส้นทางการเงิน โดยเฉพาะการสอนพิเศษ ซึ่งจะสอบทั้งครูผู้สอน และนักเรียนด้วย