เชียงราย - แม่ทัพน้อยที่ 3 ยกคณะข้ามน้ำสาย เข้าท่าขี้เหล็ก หารือทางการพม่า ชี้เป้า 4 โรงงานผลิต พร้อม 31 ชื่อบัญชีดำคนค้ายาหนีซุกพม่า ขอพม่าตามจับ เล็งจัดการ 300 นกต่อปักหลักชายแดนพม่า ดีลงานส่งยานรกข้ามฝั่งเข้าไทย ตัวการสำคัญทำยาบ้า-ไอซ์ทะลัก
วันนี้ (21 ก.ค.) พล.ท.ธนา จารุวัต แม่ทัพน้อยที่ 3 ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ (ศป.ปส.) พร้อมคณะนายทหารจากกองกำลังผาเมือง, สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ภาค 5 ได้เดินทางข้ามฝั่งแม่สายไป จ.ท่าขี้เหล็ก เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับ พ.อ.เอ เมี่ยน อู ผบ.ยุทธศาสตร์ท่าขี้เหล็ก จ.ท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ (พม่า)
โดย พ.อ.เอ เมี่ยน อู พร้อมด้วยนายติน วินฉ่วย ผู้ว่าการ จ.ท่าขี้เหล็ก พ.ต.ท.เถ่ง วิน ผกก.ท่าขี้เหล็ก และนายจ่อ หม่อทุน หัวหน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าขี้เหล็ก ได้นำคณะให้การต้อนรับคณะจากฝั่งไทยเป็นอย่างดี
โอกาสนี้แม่ทัพน้อยที่ 3 พร้อมคณะได้หารือกับทางการท้องถิ่นของพม่าเกี่ยวกับการปราบปรามยาเสพติด โดยได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นพม่าทราบว่าขณะนี้มีคนไทยที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งที่มีหมายจับ และยังไม่มีหมายจับ หลบหนีเข้าไปอยู่ในฝั่งพม่าเป็นจำนวนมาก
พล.ท.ธนายังได้ยื่นบัญชีรายชื่อพร้อมรายละเอียดของคนไทยที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้ พ.อ.เอ เมี่ยน อู และคณะเพื่อขอให้ดำเนินการติดตามจับกุมแล้วส่งให้ฝ่ายไทยนำมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปด้วย ซึ่งทางฝ่ายพม่าได้รับปากจะดำเนินการให้ จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้หารือเพื่อจะเปิดยุทธการปราบปรามยาเสพติดร่วมกันทั้งสองฝั่งประเทศในเร็วๆ นี้ต่อไป
พล.ท.ธนากล่าวว่า เจ้าหน้าที่ของไทยได้นำรายชื่อพร้อมที่อยู่ผู้ต้องหาจากฝั่งไทยซึ่งหลบหนีไปอยู่บริเวณ จ.ท่าขี้เหล็ก จ.เมืองสาด ตรงกันข้าม จ.เชียงราย ให้ฝ่ายพม่าจำนวน 31 คน โดยทั้งหมดเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและหนีหมายจับในคดียาเสพติดจากฝั่งไทยไปอยู่ฝั่งพม่ามาหลายปีแล้ว
จากการสืบสวนสอบสวนก็ยังพบว่า คนเหล่านี้ยังยุ่งเกียวกับยาเสพติดอยู่ เป็นสาเหตุที่ทำให้ปัญหายาเสพติดในช่วงนี้ และในปีนี้ยังมีมากอยู่ เพราะคนเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นตัวแทน โบรกเกอร์ ตัวแทนจำหน่าย และผู้จำหน่ายให้แก่ขบวนการค้ายาเสพติด
พล.ท.ธนากล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ยาเสพติดในปัจจุบันยังค่อนข้างรุนแรง โดยเราสามาถจับกุมได้เป็นจำนวนมาก เฉพาะยาบ้านั้นในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมาสามารถตรวจยึดได้ร่วม 150 ล้านเม็ด ไอซ์ได้เกือบ 4 ตันแล้ว ผลมาจากการปฏิบัติงานอย่างบูรณาการร่วมมือกันทุกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่สถานการณ์ยังค่อนข้างรุนแรง เพราะยังยังผู้ที่หลบหนีไปดังกล่าวซึ่งนอกเหนือจากคนที่มีหมายจับ 31 รายดังกล่าวแล้ว ยังมีผู้ที่หลบหนีอยู่ในฝั่งพม่าอีกไม่ต่ำกว่า 300 คน คอยทำหน้าที่เป็นคนทำการตลาด ผู้แทนจำหน่าย คนติดต่อ หากจัดกับกับคนเหล่านี้ได้ก็จะทำให้ปัญหาลดลง
“โอกาสนี้เรายังได้ส่งแหล่งผลิตจำนวน 4 ที่หมาย ซึ่งมีผู้ต้องหาส่วนหนึ่งจาก 31 คนไปกบดานอยู่ ให้ทางการพม่าดำเนินการด้วย”
นอกจากนี้ยังพบว่า ปัจจุบันมีสารตั้งต้นเพื่อนำไปผลิตยาเสพติดถูกลักลอบเข้าจากทางประเทศจีนและยังมีกลุ่มผู้ผลิตเพิ่มเติมเป็นกลุ่มอาข่าและมูเซอที่เป็นรายใหม่ๆ เพิ่มเติมขึ้นอีกด้วยซึ่งเจ้าหน้าที่ทั้งไทยและเมียนมาจะได้ร่วมมือกันป้องกันและปราบปรามต่อไป
พล.ท.ธนากล่าวอีกว่า สำหรับการขอความร่วมมือครั้งนี้เกิดจากการประชุมคณะกรรมการประสานงานชายแดนไทย-พม่าระดับท้องถิ่น หรือทีบีซี ครั้งที่ 31 ได้มีข้อตกลงร่วมกันระหว่างไทย และพม่าว่าทั้งสองฝ่ายจะช่วยกันแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยพม่าจะช่วยติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่หลบหนีจากฝั่งไทยข้ามไปยังฝั่งประเทศพม่าให้ด้วย จากการหารือครั้งนี้พบว่าทางการพม่าก็ให้ความร่วมมือ โดยรับจะเร่งดำเนินการให้ และเราจะเปิดยุทธการทั้งสองฝั่งร่วมกันในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ ในอดีตที่ผ่านมาหน่วยงานความมั่นคงเคยประเมินว่า มีโรงงานผลิตยาเสพติดอยู่ในฝั่งรัฐฉานตอนเหนือ รัฐฉานตะวันตก และรัฐฉานใต้ ตั้งแต่ชายแดนพม่า-จีน และชายแดนประเทศไทยด้าน จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ ไม่น้อยกว่า 11 แห่ง โดยมีกลุ่มว้าที่มีศูนย์กลางที่เมืองปางซาง และเมืองยอนเป็นตัวการหลัก
กลุ่มว้าจะส่งต่อยาเสพติดให้กับกลุ่มอื่นๆ เช่น มูเซอ อาข่า ฯลฯ โดยเฉพาะเครือข่ายบ้านปูนาโก่ และดอยสามสูงตรงกันข้าม อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย, อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ จากนั้นนำมาพักตามแนวชายแดนจนสร้างปัญหาการทะลักเข้าสู่ประเทศไทยหลายจุด เช่น ช่องแม่โจ๊กและบ้านผาขาว ติด อ.แม่ฟ้าหลวง ช่องดอยสามปีติด อ.แม่สาย หรือแม้แต่จุดผ่านแดนหลักอื่นๆ และแม่น้ำโขง กระทั่งล่าสุดพบมีกลุ่มอาข่าและมูเซอในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านก็หันมาผลิตเองได้ทำให้มีปริมาณยาเสพติดตามชายแดนเป็นจำนวนมาก
อนึ่ง ในกลุ่มผู้ที่หลบหนีคดียาเสพติดจากฝั่งไทย หนึ่งในนั้นคือนายธวัชชัย อ้อมชมภู หรือเก้า อายุ 29 ปีชาว ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.ปทุมธานี ที่ถูกศาล จ.ปทุมธานี และ จ.ศรีสะเกษ ออกหมายจับในคดีเกี่ยวกับยาเสพติด โดยนายเก้าเคยเคลื่อนไหวอยู่ที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งที่เป็นของผู้ค้ายาเสพติดเชื้อสายว้า-จีนฮ่อ คนหนึ่งใน จ.ท่าขี้เหล็ก โดยทำหน้าที่เป็นโบรกเกอร์ให้ และเป็นสถานที่เดียวกับที่ น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว อายุ 24 ปี พร้อมพวกรวม 3 คนซึ่งต้องคดีฆ่าหั่นศพ น.ส.วาริสรา กลิ่นจุ้ย อายุ 22 ปี สาวร้านคาราโอเกะที่ จ.ขอนแก่น จนเป็นข่าวโด่งดังหลบหนีไปกบดานและได้พบกับนายเก้าดังกล่าว กระทั่ง น.ส.ปรียานุช และพวกถูกจับกุม แต่นายเก้าเองยังคงหลบหนีอยู่ด้วย