ลำปาง - ตำรวจลำปางจับสองหนุ่มแยกสอบเครียด หลังนำศพสาวโดนยิงส่งโรงพยาบาลฯ อ้างถูกกลุ่มวัยรุ่นขี่รถตามมายิงขณะจอดรถฉี่ข้างทางจนสาวโดนลูกหลงถูกยิงแสกหน้าดับคาที่ เบื้องต้นพบทุกคนมีประวัติเกี่ยวพันกับยาเสพติดหมด
วันนี้ (17 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีชาย 2 คนขับรถเก๋งฮอนด้า ซิตี้ หมายเลขทะเบียน กบ 1050 ลำปาง นำศพ น.ส.กรรณิการ์ ส่งวัฒนา อายุ 27 ปี ชาว ต.แม่ถอด อ.เถิน จ.ลำปาง มาส่งที่โรงพยาบาลแม่ทะ เมื่อคืนที่ผ่านมา (16 ก.ค.) ก่อนจะทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ พร้อมบอกว่าจะไปตามหาญาติผู้ตาย
โดยชายทั้งสองอ้างว่าผู้ตายถูกกลุ่มวัยรุ่นขี่รถมาตามยิง ขณะที่ตนทั้งสอง พร้อมผู้ตายขับรถออกจากตัวเมืองลำปางจะไปบ้านเพื่อน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้จอดรถลงไปปัสสาวะข้างถนนท้ายหมู่บ้านหัวเสือ (ใกล้กับสะพานไปบ้านดอนมูล) พื้นที่หมู่ 2 ต.แม่ทะ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ส่วนผู้ตายยืนอยู่หน้ารถฝั่งคนขับ ก่อนที่จะได้ยินเสียงคล้ายประทัดดังขึ้น 1 ครั้ง และเห็นกลุ่มวัยรุ่นขี่จักรยานยนต์ออกไป เมื่อกลับมาที่รถก็พบว่าผู้ตายถูกยิงด้วยอาวุธปืนยิงเข้าที่กลางหน้าผาก 1 นัดจนเสียชีวิต จึงรีบนำตัวมาที่โรงพยาบาล
ล่าสุด พ.ต.ท.เกียงไกร ศรีธัญญารัตน์ รอง ผกก.สส.สภ.แม่ทะ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ได้นำตัวชายทั้งสองคนที่นำศพมาส่งไว้ที่โรงพยาบาล คือนายไพโรจน์ หรือติ๊ก อะตังแก อายุ 28 ปี (แฟนของผู้ตาย) และนายบุญมา หรือโน้ต กันทวงค์ อายุ 29 ปี เป็นชาวลำปางทั้งคู่ ซึ่งน่าจะรู้เห็นหรือทราบเหตุการณ์ในคดีนี้มาสอบปากคำ
เบื้องต้นพบว่าชายทั้งสองคนให้การวกวนและไม่ตรงกัน และจากการไปตรวจสอบที่เกิดเหตุของตำรวจพบรองเท้าแตะตกอยู่ในจุดเกิดเหตุ 1 ข้าง ส่วนรถเก๋งที่นำศพผู้หญิงมาส่งที่โรงพยาบาลฯ ก็พบรอยเลือดในรถ ซึ่งขณะนี้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานลำปางกำลังเก็บคราบเขม่าดินปืน และเก็บหลักฐานต่างๆ ภายในรถเก๋ง
แต่จากการไปสอบสวนชาวบ้าน และตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุก็ยังไม่พบเห็นกลุ่มวัยรุ่นที่ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามายิงตามคำกล่าวอ้างของชายทั้งสองคนแต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้ตำรวจ สภ.แม่ทะกำลังแยกตัวชายทั้งสองคนสอบสวนอยู่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอเวลาทำงาน และสอบปากคำบุคคลทั้งสองอย่างละเอียดก่อน คาดว่าจะทราบตัวผู้ก่อเหตุที่แท้จริงอย่างแน่นอน
ด้าน พ.ต.อ.พีระ เต็มแย้ม รอง ผบก.ภ.ลำปาง ซึ่งได้เข้าร่วมสอบสวนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ทะ ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าชายทั้งสองคนจะเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่กระสุนที่พบในตัวผู้ตายน่าจะเป็นกระสุนลูกโดด 9 มม. หรือ .38 แต่เป็นคนละชนิดกับที่พบในที่เกิดเหตุ และยังพบยาบ้า 8 เม็ดในกระเป๋ากางเกงผู้ตายด้วย ส่วนในรถนอกจากคราบเลือดแล้วยังพบยาบ้าอีก 5 เม็ดด้วย
ส่วนประเด็นเรื่องยาเสพติดนั้น เบื้องต้นนายไพโรจน์ยืนยันว่ามือปืนเป็นลูกน้องของพ่อค้ายาบ้ารายหนึ่งในพื้นที่ซึ่งจำหน้าได้ ซึ่งได้ขี่รถจักรยานยนต์มายิงผู้ตายจนเสียชีวิต จากนั้นจึงได้เร่งช่วยเหลือกันนำผู้ตายส่งโรงพยาบาล แต่ก็พบว่าเสียชีวิตแล้ว และเมื่อตรวจประวัติก็พบว่าทุกคนมีประวัติเกี่ยวกับยาเสพติดด้วยกันทุกคน ขณะที่ผู้ก่อเหตุน่าจะมีเพียงคนเดียว แต่ผู้สมรู้ร่วมคิดอาจจะมากกว่านั้น
ส่วนพฤติการณ์ คาดว่าผู้เกี่ยวข้องจะไปด้วยกัน และมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนในหมู่บ้านแถวนั้น เพราะปกติยามค่ำคืนหากไม่มีธุระจริงๆ จะไม่มีใครไปแถวนั้น ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งติดตามพยานและผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดเพราะผู้บังคับบัญชากำชับมา ส่วนแฟนหนุ่มของผู้ตายพบมีสารเสพติดในร่างกาย จึงแจ้งข้อหาเสพและควบคุมตัวไว้แล้ว
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของนายไพโรจน์ และนายบุญมา ซึ่งหลังเกิดเหตุบุคคลทั้งสองได้กลับไปบ้านที่ อ.ห้างฉัตร และซักเสื้อผ้าที่เปื้อนคราบเลือด ทั้งนี้ตำรวจยังเชื่อว่าคดีนี้ผู้ก่อเหตุลงมือยิงน่าจะมีเพียง 1 คน แต่ผู้สมรู้ร่วมคิดน่าจะมีมากกว่า 1 คน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบสวนผู้ต้องสงสัยทั้งสองอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าน่าจะออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้ได้ทั้งหมด
ขณะที่นางกุหลาบ คำระแหง อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นพี่สาวของผู้ตาย เล่าว่า น้องสาวของตนมีลูกทั้งหมด 4 คน คนโตเรียนอยู่ชั้น ป.5 ซึ่งผู้ตายเคยถูกจับในคดียาเสพติดประเภทจำหน่ายเมื่อปี 57 และเพิ่งได้รับการปล่อยตัวออกมาเมื่อช่วงต้นปีนี้ ก็ได้มาคบหาอยู่กินกับนายไพโรจน์ โดยทั้งคู่ก็ยังคงเสพ-ค้ายาบ้าอยู่ แม้ตน และญาติๆ จะตักเตือนแล้วแต่ผู้ตายไม่ยอมเชื่อฟัง จนกระทั่งมาทราบว่าเสียชีวิตดังกล่าว จึงอยากฝากให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว