ลำปาง - ตำรวจแจ้งหลายข้อหาก่อนหิ้วผัวหนุ่มทำแผนฯ ทันที หลังร่วมกับเพื่อนอุ้มศพเมียส่ง รพ.กลางดึก พร้อมอ้างถูกวัยรุ่นยิงดับ สุดท้ายรับหมดเปลือกพากันไปเคลียร์ปมซื้อยาบ้าล็อตใหญ่กับพ่อค้ายาตัวเอ้ เกิดปืนลั่นกระสุนถูกหน้าผากเมียดับ พร้อมล่า “เดช หัวเสือ” ผู้ค้ารายใหญ่ต่อ
น.ส.กรรณิการ์ สงฆ์วัฒนะ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 92 หมู่ที่ 2 ต.แม่ถอด อ.เถิน จ.ลำปาง ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่บริเวณหน้าผาก 1 นัด ต่อมานายไพโรจน์ อะตังเเก อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นสามีของผู้ตาย และนายบุญมา กันทะวงศ์ อายุ 29 ปี ร่วมกันนำศพใส่รถเก๋ง ฮอนด้า ซิตี้ สีฟ้า ทะเบียน กบ 1050 ลำปาง ส่ง รพ.แม่ทะ แล้วขับรถกลับทันที
กระทั่งรุ่งขึ้น (17 ก.ค.) นายไพโรจน์ และนายบุญมา พร้อมทนายความ ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดแล้วพบว่านายไพโรจน์มีปัสสาวะเป็นสีม่วง จึงถูกจับดำเนินคดีเสพยาเสพติด พร้อมควบคุมตัวสอบเครียดทั้งคู่นั้น
ล่าสุดวันนี้ พ.ต.อ.ประภาส อุบลศรี รอง ผกก.ปป.สภ.แม่ทะ จ.ลำปาง ได้สอบสวนนายไพโรจน์เพิ่มเติม จนเปิดปากรับสารภาพต่อหน้าว่าเป็นผู้ยิง น.ส.กรรณิการ์ ภรรยา จนเสียชีวิตแต่ไม่ได้ตั้งใจ โดยก่อนเกิดเหตุตนทั้ง 3 ได้เดินทางมาที่สะพานข้ามแม่น้ำจาง บ้านหัวเสือดอนมูล เพื่อตกลงเรื่องยาเสพติด (ยาบ้าจำนวน 15 มัด เป็นเงินกว่าสี่ล้านบาท) กับนายเดช เนื่องจากยาบ้าหายไปหนึ่งมัด
เมื่อเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ ตนทั้งสองลงไปปัสสาวะ พอเดินกลับมาถึงรถพบว่า น.ส.กรรณิการ์ (ผู้ตาย) นำอาวุธปืนขึ้นมาถือเล่น ตนจึงถามว่าเอาปืนขึ้นมาทำไม ผู้ตายกล่าวว่า “เอาไว้ป้องกันตัว เนื่องจากไม่ไว้ใจนายเดช” ตนจึงบอกให้ น.ส.กรรณิการ์เก็บปืน
แต่ผู้ตายก็แกว่งปืนไปมา ตนจึงแย่งปืนเพื่อจะนำไปเก็บจนปืนลั่น กระสุนปืนถูกหน้าผากของผู้ตาย ตนเห็นดังนั้นจึงรีบนำผู้ตายส่งโรงพยาบาล และเป็นจังหวะเดียวกับที่นายเดชเดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุตามที่นัดหมาย นายเดชเห็นดังนั้นนายเดชจึงนำปืนไปเก็บไว้ และรีบนำผู้ตายส่งโรงพยาบาลแม่ทะอย่างเร่งด่วน
จากนั้นเมื่อออกมาจากโรงพยาบาลนายเดชได้แยกย้ายกลับบ้าน ส่วนตนก็กลับไปบ้านที่ห้างฉัตรเพื่อตั้งสติแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนเดินทางกลับมาที่โรงพยาบาลแม่ทะอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตนไม่ได้คิดจะหลบหนี และไม่ได้ตั้งใจจะยิง น.ส.กรรณิการ์ ผู้ตาย และหลังเกิดเหตุตนยังรีบนำ น.ส.กรรณิการ์ ไปส่งโรงพยาบาลฯ เพื่อหวังให้ช่วยชีวิต แต่ก็พบว่า น.ส.กรรณิการ์ได้เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาลฯ แล้ว
จากการตรวจสอบประวัตินายไพโรจน์ ผู้ต้องหา พบว่าเคยถูกจับในคดีร่วมกันปล้นทรัพย์ในพื้นที่ สภ.เมืองลำปาง และคดีร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) และเพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อช่วงเดือนมีนาคม 60 ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตั้งข้อกล่าวหาเบื้องต้นกับนายไพโรจน์ว่า กระทำการโดยประมาทให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 และเสพยาบ้าขณะขับรถ ส่วนนายบุญมา เจ้าหน้าที่กันไว้เป็นพยาน เนื่องจากการสอบสวนเบื้องต้นไม่พบส่วนเกี่ยวข้อง
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวนายไพโรจน์ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พร้อมจะติดตามตัวนายเดช หัวเสือ หรือนายเดชฤทธิ์ หนิ้วหยิ่น อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19/22 หมู่ 8 บ้านทรายใต้ ต.พิชัย อ.เมืองลำปาง ที่นำอาวุธปืนไปมาดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย
ซึ่งระหว่างเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายไพโรจน์ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ มีประชาชนมามุงดูจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ต้องใช้กำลังกว่า 100 นาย พร้อมให้ผู้ต้องหาใส่เสื้อเกราะด้วย ขณะที่นางกุหลาบ ซึ่งเป็นพี่สาวของผู้ตายได้มาโวยวายว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจับแพะ คนก่อเหตุจริงคือนายเดช ลูกน้องนายแดน พ่อค้ายาบ้ารายใหญ่ที่กำลังหลบหนีอยู่ เจ้าหน้าที่ได้กันพี่สาวของผู้ตายออกไป พร้อมเร่งทำแผนและนำตัวนายไพโรจน์ไปควบคุมไว้ที่ สภ.แม่ทะ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
และวันเดียวกันนี้ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย มทบ.ที่ 32 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบวสวนได้นำกำลังเข้าตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 13/10 ชุมชนการเคหะต้นธงชัย หมู่ 11 ต.ต้นธงชัย อ.เมืองลำปาง หลังสืบทราบว่านายเดช หัวเสือ หรือนายเดชฤทธิ์ หนิ้วหยิ่น อายุ 50 ปี ได้หลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว แต่ไม่พบตัวนายเดช พบเพียงนายจักรชัย หรืออู่ มั่งมูล อายุ 28 ปี ลูกเขยของนายเดช พร้อมยาบ้าจำนวน 72 เม็ด จึงควบคุมตัวนายจักรชัย ดำเนินคดีตามกฎหมาย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่านายเดช หัวเสือ หรือนายเดชฤทธิ์ หนิ้วหยิ่น ยังหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่จังหวัดลำปาง ซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียมออกหมายจับเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป