ศูนย์ข่าวศรีราชา - คณะกรรมการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในชุมชนรอบท่าเรือแหลมฉบัง มีมติคุมเข้ม 9 เส้นทาง ห้ามรถพ่วง-รถบรรทุกวิ่งในชั่วโมงเร่งด่วน ส่วนลานดินวางตู้คอนเทนเนอร์ พร้อมรถหัวลากและส่วนหางที่จอดทิ้งไว้ พร้อมดำเนินการอย่างเฉียบขาด
วานนี้ (11 ก.ค.) นายเชาวลิตร แสงอุทัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในชุมชนรอบท่าเรือแหลมฉบัง พร้อมด้วย นายวรญาณ บุญณราช นายอำเภอศรีราชา ผู้แทนนายอำเภอบางละมุง นางจินดา ถนอมรอด นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง เจ้าหน้าที่ตำรวจแหลมฉบัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมตัวแทนชุมชนรอบท่าเรือแหลมฉบัง และกลุ่มผู้ประกอบการรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในชุมชนรอบท่าเรือแหลมฉบัง
โดยที่ประชุมใช้เวลาประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง หลังจากนั้น ในที่ประชุมมีมติห้ามรถบรรทุก และรถพ่วงวิ่งในถนน 9 เส้นทาง ในพื้นที่แหลมฉบังในชั่วโมงเร่งด่วนทั้งเช้า-เย็น และห้ามวิ่งทั้งเส้น ประกอบด้วย 1.ถนนหน้าประปาแหลมฉบังไปถึงสะพานห้วยเล็ก ในช่วงเวลา 06.30-08.30 น. และตั้งแต่ 17.00-20.00 น. 2.แยกบ้านนาถึงแยกเทคโนฯ แหลมฉบัง ตั้งแต่ 06.00-18.00 น. 3.ถนน 9 กิโล ตั้งแต่ไฟแดงคู่ขนาน 9 กิโล ถึงตลาดรอดเอี่ยม 4.ถนนหน้าวัดต้นมะม่วงไป ถึงสี่แยกสาธารณสุขแหลมฉบัง
5.ถนนสายทุ่งกราดถึงวัดทุ่งกราด 6.ถนนจากสี่แยกมุมวัดแหลมทองไปเนินไร่สอง ห้ามวิ่งเพราะผ่านชุมชนจำนวนมาก และอันตรายที่สุด 7.ถนนสายจุกเฌอไปบายพาสออกหน้าเครือ ห้ามวิ่งตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. และเส้นหลังเครือสหพัฒน์จนถึงชากกะปอก ห้ามวิ่ง 07.00-09.00 น. และช่วงเย็น 17.30-21.00 น. 8.จากแยกอ่าวอุดมถึงโรงเรียนชากยายจีน ห้ามวิ่งตั้งแต่ 07.00-08.30 น. และช่วงบ่าย 15.30-19.30 น. และ 9.เส้นไปแยกเทคโนฯ แหลมฉบัง ไปเส้นชากกะปอก ที่จะไปผ่านเครือสหพัฒน์ ไปยังตลาดอุดมกิต ซึ่งจะเลี้ยวขวาไปหนองพังพวย ห้ามวิ่งทั้งเส้นทาง
นายเชาวลิตร กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องคุมเข้ม 9 เส้นทางดังกล่าวเนื่องจากเส้นทางนั้นมีโรงเรียนตั้งอยู่ และเป็นแหล่งชุมชนหนาแน่น จึงต้องห้ามวิ่งในชั่วโมงเร่งด่วน และห้ามวิ่งบางเส้นทาง เพราะถนนคับแคบทำให้การจราจรติดขัด แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีถนนทางเลี่ยงออกไปใช้เส้นทางอื่นแทน เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นถนนเครือข่ายเชื่อมโยงถึงกันได้ เพียงแต่เสียเวลาขับเลี่ยงเล็กน้อยเท่านั้น
นอกจากปัญหาการจราจรแล้ว ปัญหาฝุ่นละออง ปัญหาเสียงดัง ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การสั่นสะเทือนของถนน โดยจะต้องดำเนินการคุมเข้มเช่นกัน โดยเฉพาะลานตู้คอนเทนเนอร์ที่ยังเป็นลานดิน จะต้องเทพื้นปูนซีเมนต์ให้เรียบร้อย เพราะหากไม่เทพื้นปูนซีเมนต์จะมีค่าปรับที่สูงขึ้นจากเดิมมาก เช่น เคยเสียค่าปรับเพียง 10,000 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 90,000 บาท
นายเชาวลิตร กล่าวต่อไปว่า สำหรับรถหัวลากและส่วนหางรถหัวลากที่จอดทิ้งไว้บนถนนสายต่างๆ นั้นจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายกรมการขนส่ง เพราะที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนที่สัญจรผ่านไปมา โดยจะทำการยึด และปรับต่อไป โดยปัญหาต่างๆ นั้นเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน เพื่อให้ผู้ประกอบการและประชาชนสามารถอยู่ร่วมกันได้ทั้ง 2 ฝ่าย