xs
xsm
sm
md
lg

ศุลกากรหนองคายจับลอบนำน้ำมันผิดประเภทส่งออกลาว แถมขอคืนภาษีหลายแสน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


หนองคาย - ศุลกากรหนองคายจับรถบรรทุกน้ำมันขนน้ำมันดีเซล 31,000 ลิตร แต่แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าเป็นน้ำมันเบนซิน 121,000 ลิตร ออกนอกประเทศ 5 คัน ขอคืนภาษีอีกคันละกว่า 4 แสนบาท ตรวจสอบพบแอบนำน้ำมันเบนซินจากโรงกลั่นไปขายตามจังหวัดปริมณฑล แล้วสวมรอยเอาน้ำมันดีเซลใส่แทนนำส่งไปลาว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (7 ก.ค.) ที่ด่านศุลกากรหนองคาย นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย, นายละนอง แก้วศรีช่วง สรรพสามิตพื้นที่หนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคาย ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมขบวนการลักลอบนำน้ำมันผิดประเภทและแจ้งเอกสารเท็จต่อเจ้าหน้าที่

โดยเป็นรถบรรทุกน้ำมัน 5 คัน คนขับรถ 5 คน มีนายวุฒิศักดิ์ ทองมาตย์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 272 หมู่ 9 ต.บ้านหัน อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ, นายเทอดศักดิ์ ศรีสร้อย อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51/17 หมู่ 3 ต.มวกเหล็ก จ.สระบุรี, นายดำรงค์ คุยสี อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66 หมู่ 2 ต.หนองหญ้าไทร อ.สากเหล็ก จ.พิจิตร, นายสมพิศ คำภาไพร อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 132 หมู่ 1 ต.หนองบัวสันตุ อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม และ นายชุมพงษ์ ชุ่ยลานหญ้า อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 144 หมู่ 5 ต.ทุ่งกระบ่ำ อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี

นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย กล่าวว่า จากการข่าวทราบว่าน่าจะมีการทุจริตในการส่งออกน้ำมันและการขอคืนภาษีสรรพสามิต โดยใส่น้ำมันมาไม่เต็มรถ มีการบรรจุน้ำมันมาเพียง 1 ช่องเท่านั้น มาจำนวน 6 คันจึงจัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ จนกระทั่งเช้าวันนี้มีรถน้ำมันของบริษัทหนองจิกปิโตรเลียม ตั้งอยู่ที่ จ.สระบุรี ได้ยื่นเอกสารใบขนขาออก 2 ชุด เพื่อนำน้ำมันไปส่งให้แก่ปลายทางที่บริษัทลาวใหม่ปิโตรเลียม สปป.ลาว โดยชุดหนึ่งเป็นน้ำมันเบนซินประมาณ 121,000 ลิตร อีกชุดหนึ่งเป็นน้ำมันดีเซลประมาณ 31,000 ลิตร

ศุลกากรจึงได้ประสานกับสรรพสามิตที่ทำงานร่วมกันบริเวณด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ตรวจสอบก็พบมีการกระทำผิดจริง ซึ่งตามปกติการรับน้ำมันจะรับจากต้นทาง คือ บริษัทเอสโซ่ ศรีราชา จะต้องใส่น้ำมันเต็มทุกช่อง และสรรพสามิตจะซีลอากรสรรพสามิตมาพร้อมด้วยแสดงว่าเป็นน้ำมันที่เสียภาษีถูกต้องแล้ว พอปลายทางศุลกากรก็จะเช็กซีลอากรว่าถูกต้องหรือไม่

แต่ปรากฏว่ารถน้ำมันของบริษัทหนองจิกปิโตรเลียมตรวจสอบซีล เบื้องต้นสมบูรณ์ เมื่อเปิดดูกลายเป็นน้ำมันเหลือเพียงช่องเดียว และยังเป็นน้ำมันดีเซลแทนที่จะเป็นน้ำมันเบนซินตามใบแจ้ง ซ้ำยังมีน้ำมันดีเซลอยู่จริงเพียงคันละ 7,000 ลิตรเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จับกุมคนขับรถไว้ได้ 5 คน รถ 5 คัน ส่วนที่เหลืออีก 1 คันที่หลบหนี กำลังเร่งติดตามอยู่

การทำลักษณะเช่นนี้ นายด่านศุลกากรกล่าวว่า จะเกิดความเสียหายแก่ภาครัฐ เนื่องจากในใบขนรับน้ำมันเบนซินจากบริษัทเอสโซ่ ศรีราชา คันละ 51,000 ลิตร มูลค่า 1,046,201 บาท มูลค่าภาษีสรรพสามิต 331,500 บาท การส่งออกจะมีการขอคืนภาษีสรรพสามิตอย่างแน่นอน ด้วยการนำเอกสารจากศุลกากรไปยื่นต่อสรรพสามิตขอคืนภาษีคันละ 3 แสนบาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มอีก ตกเฉลี่ยคันละ 4 แสนบาทที่จะได้รับคืนภาษี และน้ำมันที่ไม่ได้ส่งออกก็จะนำไปขายในประเทศไทย ทำกำไรได้อีก

ซึ่งจากการสอบถามทางลับกับคนขับรถก็ยอมรับว่ามีการนำน้ำมันไปลงในจุดที่สั่งงานไว้แถวจังหวัดปริมณฑล ขบวนการนี้คาดว่าจะเป็นขบวนการใหญ่ที่กล้าเบรกซีลสรรพสามิตเพื่อเอาน้ำมันออก น้ำมันที่จะส่งออกมี 2 ประเภท คือ 1. จากคลังสินค้าผ่านแดนน้ำมันของศุลกากร โดยมีศุลกากรคุมตั้งแต่ต้นทาง มีการซีลอากรของศุลกากรกำกับไว้

หากมีผู้ซื้อก็ซีลอากรแล้วส่งออก กับอีกประเภทหนึ่งเป็นประเภทน้ำมันจากโรงกลั่นที่เสียภาษีศุลกากรแล้ว จะเป็นหน้าที่ของสรรพสามิตที่ควบคุมภาษีทั้งหมด ลักษณะนี้เป็นการซื้อน้ำมันจากโรงกลั่นที่เสียภาษีแล้วครบถ้วน

เมื่อส่งออกสำเร็จก็จะไปขอคืนภาษี ซึ่งเป็นขบวนการใหญ่ที่ต้องรู้กันทั้งในและต่างประเทศ โดยเจ้าหน้าที่จะต้องขยายผลและทำงานร่วมกับสรรพสามิตซึ่งจะต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีกที่ด่านหนองคาย รวมทั้งต้องมีการพูดคุยกับทางการลาวเพื่อแก้ปัญหาร่วมกันด้วย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะแจ้งข้อหากับคนขับรถทั้ง 5 คน ในการทำผิด พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 99 สำแดงเอกสารเป็นเท็จ และมาตรา 27 หลีกเลี่ยงข้อห้าม ข้อจำกัดในการนำสินค้าออกนอกประเทศ

ส่วนนายละออง แก้วศรีช่วง สรรพสามิตพื้นที่หนองคาย กล่าวว่า ถ้าผู้ส่งออกไม่ปฏิบัติตามระเบียบ สิทธิในการยกเว้นภาษีก็จะหมดไป ต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามีการเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ ส่วนมาตรการอื่นๆ ทางกรมสรรพสามิตจะพิจารณาอีกครั้งต่อไป

กำลังโหลดความคิดเห็น