อุบลราชธานี - อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยในจังหวัดอุบลราชธานี โวยกองทุนกู้ยืมเรียน กยศ.ทวงหนี้มั่ว ทั้งที่จ่ายเงินค่ายืมเรียนตรงเวลา และจ่ายให้เกินกว่าที่เรียกเก็บในแต่ละปี ต้องการให้ กยศ.มีความชัดเจนทางบัญชีมากกว่านี้ จึงเข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน
ที่ สภ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี นายคมกฤษ ภูริสัตย์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 140 บ้านดอนหมากมาย หมู่ 7 ต.ขุหลุ อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.สง่า เกษาพันธุ์ พนักงานสอบสวน สภ.วารินชำราบ เนื่องจากหลังได้รับหนังสือทวงหนี้จากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. จำนวน 335.77 บาท (สามร้อยสามสิบห้าบาทเจ็ดสิบเจ็ดสตางค์) ทั้งที่ตนได้ชำระหนี้เกินกว่ายอดขั้นต่ำมาโดยตลอด
นายคมกฤษ กล่าวต่อว่า เมื่อปี 2550 ได้เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์สาขาคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยในจังหวัดอุบลราชธานี และจบการศึกษาในปี 2553 โดยระหว่างเรียนได้ทำสัญญากู้ยืมเงินเรียนจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา กยศ.จำนวน 359,454 บาท
หลังจากจบการศึกษาได้ 2 ปี กองทุนได้ส่งรายละเอียดการชำระหนี้เป็นขั้นบันไดในระยะเวลา 15 ปี มาให้ตนผ่อนชำระทุกวันที่ 5 ก.ค.ของทุกปี โดยชำระงวดแรกในปี 2556 เป็นจำนวนเงิน 5,391.81 สตางค์ และตนได้เลือกชำระเงินเป็นยอด 6,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่เกินจากยอดการจ่ายขั้นต่ำ โดยในปีต่อมา ได้จ่ายเงินคืนในจำนวนสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามตารางที่ กยศ.ให้มา ซึ่งตนก็จ่ายเงินเกินยอดขั้นต่ำมาตลอด
โดยยอดล่าสุดเมื่อปี 2559 ก็ได้จ่ายเงินคืนไป 16,000 บาท จากยอดเรียกเก็บ 15,928 บาท
ต่อมา เมื่อเดือนสิงหาคม 2559 กยศ.มีจดหมายแจ้งมายัง นางกัลยา ภูริสัตย์ ซึ่งเป็นมารดาของตน และเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ว่า ตนไม่ชำระหนี้ให้กองทุน ทำให้มีหนี้คงค้างจำนวน 335.77 บาท และให้ผู้ค้ำประกันไปชำระเงินที่คงค้างภายใน 15 วัน เพื่อไม่ให้เสียประวัติทางการเงิน
หลัง นายคมกฤษ รับทราบเรื่องจากมารดา จึงได้ไปติดต่อกับธนาคารกรุงไทย สาขาวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เพื่อตรวจสอบการชำระหนี้ที่ผ่านมา ซึ่งธนาคารแจ้งว่า ได้รับการชำระเงินเป็นปกติ และไม่มียอดค้างตามที่ กยศ.มีหนังสือทวงถามมา
อย่างไรก็ตาม ตนยังสงสัยความผิดปกติทางบัญชี จึงพยายามติดต่อไปยังสำนักงานกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา กยศ ตามหมายเลขโทรศัพท์ที่ระบุไว้ในจดหมาย แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้
ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2560 ที่ผ่านมา จึงส่งอีเมลไปยังกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา กยศ.เพื่อสอบถามแต่ยังไม่ได้รับคำตอบ จึงได้เข้าแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เพราะในวันที่ 5 ก.ค.ที่จะถึงตนจะต้องชำระเงินกู้ยืมเรียนให้แก่กองทุนเงิน กยศ.ประจำปีนี้
นายคมกฤษ กล่าวอีกว่า สำหรับเงิน จำนวน 335.77 บาท ที่ถูก กยศ.ทวงถามมา ตนสามารถจ่ายให้ได้ แต่สงสัยว่า กยศ.ได้รับเงินส่วนต่างที่ตนชำระเกินยอดไปในแต่ละปี ทำไมถึงมียอดคงค้างชำระ เพราะ กยศ.เป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีผู้กู้เงินยืมเรียนจำนวนหลายแสนคน อาจจะมีข้อผิดพลาดเช่นเดียวกับตน จนอาจทำให้เสียประโยชน์ และเสียประวัติทางการเงินด้วยหรือไม่
“จึงต้องการให้ กยศ.มีความรอบคอบ มีคามชัดเจนเรื่องการจัดเก็บฐานข้อมูลของลูกหนี้ให้มากกว่านี้ และต้องการให้ กยศ. ตรวจสอบยอดการชำระหนี้ของตน แล้วแจ้งกลับมาทางอีเมล ซึ่งส่งไปสอบถามอีกครั้งเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อได้เข้าใจตรงกันของเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วย” นายคมกฤษ กล่าว
