ตำรวจกาฬสินธุ์เตรียมแจ้งข้อหาพ่อแม่ทำร้ายล่ามโซ่ลูก

กาฬสินธุ์ - ตำรวจ สภ.สมเด็จนำตัวสองสามีภรรยาสอบปากคำหลังทำร้ายลูกชายจนศีรษะแตกและจับล่ามโซ่ เตรียมแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว และกระทำความรุนแรงในครอบครัว ด้านพ่ออ้าง ลูกชายทั้งสองเกเรไม่ไปเรียนหนังสือจึงอบรมสั่งสอน ไม่มีเจตนาคิดทำร้าย

จากกรณีผู้ใหญ่บ้านสร้างแสน หมู่ที่ 2 ต.ลำห้วยหลัว อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ ได้ช่วยเหลือเด็กชายสองคน อายุ 12-13 ปี ซึ่งเป็นพี่น้องต่างบิดาหรือมารดา ขณะพบบริเวณถนนในหมู่บ้านในสภาพร่างกายเปื้อนเลือด โดยเด็กชายอายุ 12 ปีมีโซ่ล่ามขาด้านซ้าย และนำไปปฐมพยาบาลที่โรงพยาบาลสมเด็จ และนำความแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สมเด็จ ได้ช่วยเหลือนำไปไว้ที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดกาฬสินธุ์นั้น

ล่าสุดวันนี้ (30 มิ.ย. 60) ที่ห้องประชุม สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ มอบหมายให้ พ.ต.อ.อุกกฤษฏ์ ทรงชัยสงวน รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ติดตามความคืบหน้าของคดี ซึ่งตำรวจ สภ.สมเด็จได้นำตัวนายณรงค์ เรืองสิทธิ์ อายุ 39 ปี และนางบุญยาติ ก้องเวหา อายุ 40 ปี สองสามีภรรยา มาสอบปากคำและสอบถามเหตุการณ์เบื้องต้น โดยมีนายสมเจตน์ เต็งมงคล นายอำเภอสมเด็จ, พ.ต.อ.ทศพร จิเรนาวัต ผกก.สภ.สมเด็จ, พ.ต.ท.เอกกฤต กัญญาสน รอง ผกก.สส.สภ.สมเด็จ, พ.ต.ท.ภูมรินทร์ ขามชู สว.สส.สภ.สมเด็จ, นายเสกสรร ถารัตน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนบ้านบอนวิทยา และเจ้าหน้าที่ทีมสหวิชาชีพร่วมสอบปากคำและสอบถาม

นายณรงค์ เรืองสิทธิ์ อายุ 39 ปี กล่าวว่า ตนกับนางบุญยาติได้อยู่กินเป็นสามีภรรยากันมานานหลายปีแล้ว ก่อนอยู่กินด้วยกันตนมีลูกติดจากภรรยาเก่าเป็นผู้ชาย 1 คน อายุ 12 ปี ซึ่งเป็นคนที่ถูกล่ามโซ่ ส่วนภรรยาก็มีลูกติดกับสามีเก่า 3 คน และมีลูกด้วยกันอีก 1 คน รวมทั้งหมด 5 คน ทั้งนี้ วันเกิดเหตุตนไปทำงานรับจ้างเป็นช่างซ่อมรถตามปกติ ส่วนลูกๆ ก็ไปโรงเรียน จากนั้นช่วงสายมีครูมาถามหาลูกของตนว่าทำไมไม่ไปโรงเรียน

ตนจึงออกไปตามหากระทั่งไปพบที่ร้านเกมแห่งหนึ่ง จึงนำตัวกลับบ้าน ด้วยความโมโหได้ใช้มือตบหลังไป 1 ครั้ง แต่ลูกชายกลับด่าทอผู้เป็นพ่อด้วยคำหยาบคาย พร้อมกับวิ่งไปหยิบประแจที่เอาไว้ซ่อมรถมาเพื่อจะทำร้ายตน จึงเกิดการแย่งกันและเหวี่ยงไปถูกหัวลูกชายแตก จากนั้นจึงบอกให้ภรรยาไปส่งกลับทำงาน แต่ก็กลัวลูกชายหนีไปอีก จึงให้ภรรยานำโซ่มาล่ามไว้จนกว่าภรรยาจะกลับมา ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจทำร้าย เป็นเพียงการอบรมสั่งสอนลูกที่ดื้อเท่านั้น

ด้าน พ.ต.อ.อุกกฤษฏ์ ทรงชัยสงวน รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ความคืบหน้าล่าสุดขณะนี้ตำรวจได้นำตัวพ่อกับแม่มาสอบปากคำเบื้องต้นแล้ว ทั้งสองรับว่าได้ล่ามโซ่จริง แต่ไม่ได้ตั้งใจทำร้าย เป็นเพียงการสั่งสอนลูกที่ดื้อเท่านั้น ทั้งนี้ หลังจากพนักงานสอบสวนสอบปากคำทั้งสองคนสามีภรรยา และสอบปากคำเด็กร่วมกับทีมสหวิชาชีพ รวมทั้งพยานแวดล้อมครบแล้ว จะแจ้งข้อหาทั้งสองคนทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว และกระทำความรุนแรงในครอบครัวได้เลย ส่วนการเยียวยาและดูแลเด็กนั้นจะประสานไปยังสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ให้การช่วยเหลือต่อไป

นายสมเจตน์ เต็งมงคล นายอำเภอสมเด็จ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวหลังเกิดเหตุได้รับรายงานแล้ว ขณะนี้ตัวเด็กทั้งสองคนอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและสตรีจังหวัดกาฬสินธุ์ และมีภาวะจิตใจดีขึ้นมากแล้ว อย่างไรก็ตาม นายสุวิทย์ คำดี ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล ซึ่งทางอำเภออยู่ระหว่างประสานงานกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เข้าไปดูแล ทั้งที่อยู่อาศัยและการศึกษาต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ได้กำชับให้ ผกก.สมเด็จ ดำเนินการอย่างเร่งด่วน แต่ต้องคำนึงถึงหลักคุณธรรม จากการตรวจสอบยังพบว่า ครอบครัวนี้มีลูกด้วยกันจำนวน 5 คน เป็นชาย 4 คน หญิง 1 คน และเป็นลูกติดจากสามีและภรรยาเก่า ครอบครัวนี้ นายณรงค์ เรืองสิทธิ์ เป็นหัวหน้าครอบครัว มีอาชีพเป็นช่างซ่อมรถ และเคยมีอู่ซ่อมรถ แต่เนื่องจากพิษเศรษฐกิจจึงผันตัวไปรับจ้างซ่อมรถตามอู่ต่างๆ แทน

ส่วนนางบุญญาติ ก้องเวหา มีอาชีพเป็นแม่บ้าน สำหรับเหตุการณ์นี้ผู้เป็นพ่อเป็นแม่จะต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติใหม่หากนำลูกกลับไปดูแล และอยากฝากถึงผู้ปกครองต้องดูแลเอาใจใส่บุตรหลาน และไม่ใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา