xs
xsm
sm
md
lg

เปิดโลก “ไดโนเสาร์แห่งเทือกเขาภูเวียง” กรมทรัพย์หนุนท้องถิ่นขายท่องเที่ยวยั่งยืน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวขอนแก่น- กรมทรัพยากรธรณี ร่วมกับอำเภอเวียงเก่า จัดมหกรรมเปิดโลกไดโนเสาร์แห่งเทือกเขาภูเวียง เปิดมิติใหม่การท่องเที่ยวเชิงวิชาการในพื้นที่ศักยภาพอุทยานธรณีทั่วประเทศไทย ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นในการอนุรักษ์ และพัฒนาแหล่งศักยภาพอุทยานธรณี เพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์ศึกษาวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ อ.เวียงเก่า จ.ขอนแก่น ดร.สมหมาย เตชวาล รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ร่วมกับ นายมลชัย จันทโรธรณ์ นายอำเภอเวียงเก่า และนายเวียงศักดิ์ เปี่ยมสังวาล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาน้อย (ในฐานะตัวแทนองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นอำเภอเวียงเก่า) ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงาน “มหกรรมเปิดโลกไดโนเสาร์แห่งเทือกเขาภูเวียง (Khon Kaen Geopark Festival)” และการจัดประชุมสัมมนา เรื่อง “การพัฒนาอุทยานธรณีประเทศไทย”

โดยกำหนดจัดให้มีขึ้นในระหว่างวันที่ 23-25 มิ.ย.นี้ ทั้งนี้ ก็เพื่อส่งเสริมสนับสนุนนโยบายรัฐบาล และบูรณาการผลักดันการท่องเที่ยวเชิงวิชาการในพื้นศักยภาพอุทยานธรณีประเทศไทย
ดร.สมหมาย กล่าวถึงการจัดงานดังกล่าวว่า มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดนิทรรศการและกิจกรรมส่งเสริมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวทางวิชาการในพื้นที่ศักยภาพอุทยานธรณีประเทศไทย (Thailand Geopark) ตลอดจนส่งเสริมการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นในการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งศักยภาพอุทยานธรณีเพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน และเพื่อจัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในด้านการอนุรักษ์แหล่งทางธรณีวิทยา และการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชในเทือกเขาภูเวียง


ดร.สมหมาย กล่าวอีกว่า โดยกิจกรรมสำคัญภายในงานมีหลากหลาย และอยู่ภายใต้แนวคิด “ท่องเที่ยวอุทยานธรณีก้าวไกล ทรัพยากรธรณีไทยยั่งยืน” เช่น การเปิดมิติการท่องเที่ยวทางวิชาการในพื้นที่ศักยภาพอุทยานธรณีทั่วประเทศไทย ได้แก่ อุทยานธรณีขอนแก่น จ.ขอนแก่น อุทยานธรณีสตูล จ.สตูล อุทยานธรณีผาชันสามพันโบก จ.อุบลราชธานี อุทยานธรณีไม้กลายเป็นหินตาก จ.ตาก

รวมถึงการนำเสนอนิทรรศการการท่องเที่ยวในพิพิธภัณฑ์ทางธรณีวิทยาของกรมทรัพยากรธรณีทั้ง 7 แห่งทั่วประเทศ และการประชุมสัมมนาเรื่อง “การพัฒนาอุทยานธรณีประเทศไทย” เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น การจัดแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของชุมชนในเทือกเขาภูเวียง การจัดแสดงสวนป่าไดโนเสาร์ในรูปแบบพิพิธภัณฑ์กลางคืน หรือ Night Museum และกิจกรรมเดินวิ่งเทิดพระเกียรติเพื่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเดินวิ่งมินิมาราธอน “ตามเส้นทางรอยเสด็จฯ...พิชิตเทือกเขาภูเวียง” การประกวดนางงามไดโนเสาร์ภูเวียง และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย

ด้าน นายมลชัย จันทโรธรณ์ นายอำเภอเวียงเก่า กล่าวเพิ่มเติมว่า อำเภอเวียงเก่านั้นได้แยกจากตัวอำเภอภูเวียง เมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ก็ยังไม่เป็นที่รู้จักนักในนามของอำเภอเวียงเก่า แต่พอมีการจัดงานมหกรรมเปิดโลกไดโนเสาร์แห่งเทือกเขาภูเวียงในครั้งนี้ เปรียบได้กับการเปิดบ้านของอำเภอเวียงเก่า ให้ชาวไทยทั้งประเทศ หรือทั่วโลกได้รับรู้ว่า เป็นถิ่นดินแดนแห่งอารยธรรมไดโนเสาร์ล้านปี พร้อมกันนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้ชาวบ้าน และชุมชนได้มีโอกาสนำศิลปวัฒนธรรมที่เป็นวิถีชีวิต ตลอดจนสินค้าพื้นเมืองมาร่วมกับกิจกรรมมหกรรมเปิดโลกไดโนเสาร์แห่งเทือกเขาภูเวียง ในครั้งนี้

โดยที่ทางอำเภอได้เปิดศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ของชุมชนไว้ให้สำหรับจำหน่ายของที่ระลึกหลากหลายสัมมาชีพระดับหมู่บ้าน ที่ได้รับการอบรมมาอย่างดีจากทางอำเภอ ให้แก่นักท่องเที่ยวได้ซื้อของติดกลับไปฝากทางบ้าน

นายมลชัย กล่าวและว่า อำเภอเวียงเก่า มีความสัมพันธ์กับไดโนเสาร์อยู่ในตัวของมันอยู่แล้ว บางทีเด็กคิดว่าไดโนเสาร์จะมีแต่ในหนังเป็นแต่เรื่องเล่าว่ามันไม่ใช่ของจริง แต่ความเป็นจริงแล้วสถานที่อำเภอเวียงเก่านั้นเป็นแห่งแรกที่มีการขุดค้นพบโครงกระดูกไดโนเสาร์ และเป็นการยืนยันได้ว่า มีไดโนเสาร์อยู่จริงเมื่อ 130 ล้านปีมาแล้ว ในด้านวิชาการ

ในส่วนของชุมชนเองนั้น ได้มีโอกาสใช้สถานที่แห่งนี้เรียนรู้ไปด้วย แล้วส่วนหนึ่งก็อาจมีการอบรมให้ความรู้แก่เยาชนในพื้นที่ต่อยอดความรู้นำชมสถานที่ เปรียบได้ดั่งมัคคุเทศก์น้อยเลยทีเดียว

นายเวียงศักดิ์ เปี่ยมสังวาล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาน้อย กล่าวว่า พื้นที่ของอำเภอเวียงเก่านั้นมีความสำคัญต่อหุบเขาภูเวียงเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเดิมทีบริเวณดังกล่าวเป็นขุมทรัพย์ทางด้านอาหารทุกสิ่งทุกอย่างของพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ จึงมีความผูกพันกับสถานที่แห่งนี้ ต่อมา ได้มีการขุดค้นพบซากดึกดำบรรพ์ขึ้น แล้วมีการตั้งศูนย์ศึกษาวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ขึ้น

เพราะสาเหตุนี้จึงทำให้พี่น้องที่อาศัยอยู่ในที่นี่เกิดความวิตกลังเล ว่า เป็นเขตสถานที่ราชการของกรมทรัพยากรธรณี อาจเป็นเหตุทำให้เข้าป่าไปมาหาสมุนไพร และของป่าเก็บมากินไม่ได้ เพราะกลัวทำผิดกฎหมาย

แต่หลังจากนั้น เมื่อมีการลงพื้นที่ของศูนย์ฯ ประชาสัมพันธ์ให้แก่ชาวบ้านได้รับทราบว่าเป็นสถานที่ด้านวิจัยทางวิชาการเท่านั้น ทำให้ชาวบ้านคลายความวิตกกังวล และร่วมมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรของชาติไว้ให้ลูกหลานได้ดูได้ชมกัน

อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญที่จะบอกกล่าวคือ หลังจากที่ชาวบ้านเข้าใจในการทำงานของศูนย์ศึกษาวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ แห่งนี้แล้วว่าได้นำความเจริญ ตลอดจนชื่อเสียง และรายได้มาสู่ครอบครัวในชุมชนละแวกนี้ให้ได้อยู่ดีกินดีกันต่อไป

กำลังโหลดความคิดเห็น