xs
xsm
sm
md
lg

นักวิจัย มข.ทำสำเร็จ เสื้อเกราะกันกระสุนรังไหม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ผศ.พนมกร ขวาของ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เจ้าของผลงานเสื้อเกราะกันกระสุนจากรังไหม
ศูนย์ข่าวขอนแก่น - นักวิจัยมหาวิทยาลัยขอนแก่นประสบความสำเร็จ โชว์ผลงานเสื้อเกราะกันกระสุนจากรังไหมเป็นครั้งแรกของโลก เผยจุดเด่นน้ำหนักเบา ยืดหยุ่นสูง ราคาถูกกว่าถึง 2.5 เท่า เบื้องต้นป้องกันกระสุน .22 ในระยะ 3 เมตรได้ เล็งพัฒนาเพิ่มให้สามารถกัน M16 ได้

วันนี้ (31 ส.ค. 58) ที่ห้องประชุมสิริคุณากร 4 สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดกิจกรรมแถลงผลงานนักวิจัยพบสื่อมวลชนเรื่อง “เสื้อเกราะรังไหมกันกระสุน” ครั้งแรกของโลก โดย ผศ.ดร.พนมกร ขวาของ อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยมีสื่อมวลชน และนักวิชาการที่กี่ยวข้องร่วมในกิจกรรมจำนวนมาก

ผศ.พนมกร ขวาของ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เจ้าของผลงาน เปิดเผยว่า โครงการวิจัยนวัตกรรมการพัฒนารังไหมใช้เป็นเกราะกันกระสุนได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่งผลให้ตำรวจ ทหาร รวมถึงเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐอื่นได้รับอันตรายจำนวนมาก ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จึงร่วมกับอาจารย์สุธา ลอยเดือนฉาย และกลุ่มหัตถกรรมผ้าของฝากภูเวียง จังหวัดของแก่น คิดค้นพัฒนารังไหมให้เป็นเสื้อเกราะกันกระสุน

สาเหตุที่รังไหมสามารถใช้ทำเกราะกันกระสุนได้ เนื่องจากคุณสมบัติรังไหมมีความแข็งแรงสูงมากกว่า 4.8 จิกะปาสคาลขึ้นไป และเส้นไหมยืดหยุ่นได้ดีตั้งแต่ร้อยละ 35 และสามารถหดตัวกลับคืนได้ถึงร้อยละ 92 จากคุณสมบัติดังกล่าวพบว่าเส้นไหมมีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับเส้นใยเหล็ก ดังนั้นจึงนำรังไหมมาทำเป็นอุปกรณ์ป้องกันกระสุนปืนได้

จุดเด่นของเสื้อเกราะรังไหมกันกระสุน คือ มีความยืดหยุ่น ป้องกันการยิงซ้ำ ต้านทานแรงกระแทก น้ำหนักเบา ราคาถูกกว่าเกราะกันกระสุนทั่วไปถึง 2.5 เท่า วัตถุดิบรังไหมที่นำมาใช้ต้องใช้รังไหมที่ยังไม่ผ่านการสาวไหม หรือผ่านการสาวไหมแล้วแต่ต้องเหลือใยไหม ขั้นตอนการสร้างนำรังไหมมาวางในแม่พิมพ์ เทเรซินชนิดพิเศษลงบนรังไหมเพื่อให้รังไหมยึดเกราะกัน อัดด้วยเครื่องไฮดรอลิก บ่มเป็นเวลา 8 ชั่วโมง เสื้อเกราะไหมกันกระสุนมีความหนาประมาณ 14-20 มิลลิเมตร และน้ำหนักโดยรวมอยู่ที่ 2.5-4 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับชนิดกระสุนและความเร็วกระสุน

ผศ.พนมกรกล่าวว่า ทีมนักวิจัยได้นำเสื้อเกราะรังไหมมาทดสอบกับกระสุนจริง จากการทดสอบการยิงช่วงแรกพบว่าสามารถป้องกันการยิงของปืนสั้น .22 ได้ในระยะการยิง 3 เมตร เป็นการป้องกันในระดับ 1 ตามมาตรฐานของ National Institute of Justice (NIJ) นอกจากนี้เสื้อเกราะรังไหมกันกระสุนยังมีคุณสมบัติเด่น คือ มีความยืดหยุ่นตัวสูงสามารถดูดหัวกระสุนไว้ในเกราะไม่ทำให้เกิดการแฉลบสู่บุคคลข้างเคียง สามารถต้านทานแรงกระแทกได้ดี ไม่ทำให้เกราะแตกที่ทำให้ช้ำใน สามารถป้องกันการยิงซ้ำจากการคงรูปของเกราะ ไม่เสียสภาพภายหลังถูกยิง มีน้ำหนักเบา

ทั้งนี้ เมื่อพัฒนาต่อเนื่องในระยะเวลา 2 ปีโดยทำเกราะให้หนาขึ้น และมีเส้นใยพิเศษเสริมเข้าไป ทำให้สามารถต้านทานความเร็วกระสุนปืนสูงขึ้น ผลคือสามารถทำให้เกราะมีความสามารถป้องกันการยิงในระดับ 3A ตามมาตรฐาน NIJ (ขนาดหัวกระสุน 9 มม. ความเร็ว 426 เมตรต่อวินาที) ทั้งนี้ เสื้อเกราะไหมกันกระสุนสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศ จากการประกวดโครงการพัฒนาภูมิปัญญาสู่นวัตกรรม ภาคอีสานตอนบน ที่จัดโดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา

ปัจจุบันทีมผู้วิจัยได้จดสิทธิบัตรเสื้อเกราะไหมกันกระสุนเป็นทรัพย์สินทางปัญญา ของมหาวิทยาลัยขอนแก่นแล้ว โดยทีมผู้วิจัยกำลังพัฒนาความหนาและน้ำหนักของเสื้อเกราะไหมกันกระสุนให้บางและเบาขึ้น ให้สามารถป้องกันกระสุนปืนในระดับ 3 ตามมาตรฐาน NIJ (ป้องกันกระสุนปืน M16 ความเร็ว 838 เมตรต่อวินาที) เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการรักษาความปลอดภัยแก่สังคมต่อไป



พาณิชย์จัดประกวดและมอบรางวัลแก่ผู้ชนะผลงานการพัฒนาภูมิปัญญาสู่นวัตกรรม
พาณิชย์จัดประกวดและมอบรางวัลแก่ผู้ชนะผลงานการพัฒนาภูมิปัญญาสู่นวัตกรรม
พาณิชย์จัดประกวดและมอบรางวัลแก่ผู้ชนะผลงานการพัฒนาภูมิปัญญาสู่นวัตกรรม พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ได้เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลผู้ชนะการประกวดผลงาน การพัฒนาภูมิปัญญาสู่นวัตกรรมระดับประเทศ ซึ่งกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์จัดขึ้นโดยโครงการประกวดนี้ มีส่วนในการช่วยเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการไทย ในการนำภูมิปัญญามาต่อยอด ผนวกกับนวัตกรรมและการสืบค้นสิทธิบัตรที่หมดอายุแล้วมาต่อยอดเกิดเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของคนไทยที่พร้อมจะแข่งขันในระดับสากล ในภาพรวมการพัฒนาของประเทศไทยนั้น รัฐบาลกำลังเร่งขับเคลื่อนประเทศไทยให้เปลี่ยนผ่านจากประเทศที่เน้นการผลิตสินค้าและบริการแบบเก่าไปสู่ประเทศที่พัฒนาสินค้าและบริการแบบใหม่ผ่านการสร้างนวัตกรรม ซึ่งจะช่วยยกระดับให้ประเทศไทยมี ขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลกสูงขึ้น รัฐบาลถือว่าการพัฒนานวัตกรรมเป็นหัวใจของการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้าของประเทศไทยในยุคใหม่ ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ให้นโยบายในการสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมและการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ 3 ประการ คือ (1) การให้ข้อมูล ความรู้ และสร้างความเข้าใจกับผู้ประกอบการและประชาชนในวงกว้างถึงความจำเป็นในการคุ้มครองและใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญา (2) การเร่งรัดกระบวนการจดทะเบียนเพื่อคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ (3) การส่งเสริมการพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โครงการประกวดผลงานการพัฒนาภูมิปัญญาสู่นวัตกรรม เป็นโครงการที่สนองต่อนโยบายรัฐบาล โดยปีนี้ ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนธันวาคม 2557 กิจกรรมภายใต้โครงการแบ่งเป็น 3 กิจกรรม ได้แก่ (1) การอบรมให้ความรู้ผู้ประกอบการ เรื่องทรัพย์สินทางปัญญา และการใช้ฐานข้อมูลสิทธิบัตรในการพัฒนาต่อยอดสินค้า (2) การอบรมแบบเข้มข้นในการนำความรู้จากเอกสารสิทธิบัตรไปพัฒนาต่อยอดสินค้า และ (3) การประกวดผลงานทั้งในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ เพื่อเฟ้นหาผลิตภัณฑ์ที่มีการพัฒนาต่อยอดได้ดีที่สุดของโครงการ โดยการดำเนินโครงการได้รับความร่วมมือจาก 6 มหาวิทยาลัยในภูมิภาค ได้แก่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ในเขตภาคเหนือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีในเขตกรุงเทพและภาคกลางฝั่งตะวันออก มหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐมในเขตภาคกลางฝั่งตะวันตก และมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ในเขตภาคใต้ มีผู้เข้าร่วมอบรมทั้งประเทศจำนวน 684 คน ผลงานที่พัฒนาต่อยอดในภูมิภาครวมกว่า 100 ผลงาน และได้ถูกคัดเลือกให้เป็นตัวแทนระดับภูมิภาค ภูมิภาคละ 3 ผลงาน รวม 8 ผลงาน เพื่อเข้าสู่การประกวดในระดับประเทศ เมื่อวันที่ 20 กรกฏาคม ที่ผ่านมา ได้มีการตัดสินผู้ชนะในระดับประเทศแล้ว ผลการตัดสินคือรางวัลชนะเลิศ ผลงานผลิตภัณฑ์ล้างห้องน้ำจากมะกรูด ได้รับโล่และเงินรางวัล 100,000 บาท รางวัลที่ 2 ผลงานขมิ้นรวม (C-Mixx) ได้รับโล่และเงินรางวัล 50,000 บาทรางวัลที่ 3 ผลงานโหนดทิ้ง ได้รับโล่และเงินรางวัล 30,000 บาทและรางวัลชมเชิย 2 รางวัล ได้แก่ ผลงานจานกาบหมาก และผลงานเกราะไหมกันกระสุน ได้รับโล่และเงินรางวัล ๆ ละ 10,000 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น