บุรีรัมย์- พมจ.บุรีรัมย์ พร้อมบ้านพักเด็กฯ บุรีรัมย์ รุดสอบข้อเท็จจริง เมียครูเกษียณบุกทำร้ายทั้งใช้มือตบปาก ดึงหู ไม้ฟาดขาเด็กชาย ป.2 ถึงในบ้านต่อหน้ายาย และพี่สาว ทั้งขู่ “ฆ่าให้ตายอย่างน้อยก็เสียแสนเดียว” สาเหตุแค่ไม่พอใจที่ถูกเด็กแลบลิ้นใส่ ยายลั่นทำเกินกว่าเหตุ รอหารือกับลูกสาวที่กำลังเดินทางกลับจากทำงาน
วันนี้ (16 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) บุรีรัมย์ พร้อมด้วยนักสังคมสงเคราะห์ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ลงพื้นที่สอบข้อเท็จจริง กรณี นางเพียบ ภรรยาของอดีตของข้าราชการครูคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านกระสังสามัคคี ต.สามแวง อ.ห้วยราช ได้บุกเข้าไปทำร้าย ด.ช.อดิเทพ สระทอหุน หรือน้องเติ้น อายุ 8 ขวบ นักเรียนชั้น ป.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งถึงในบ้านเมื่อช่วงเย็นของวันเสาร์ ที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งใช้กิ่งมะยมฟาดขาจนกิ่งมะยมหัก ใช้มือตบปาก ใบหน้า ดึงหู กระชากจนศีรษะเด็กไปโขกกับเสาบ้าน ต่อหน้าต่อหน้า นางอุไร ร่าเริง อายุ 53 ปี ผู้เป็นยาย และพี่สาวของน้องเติ้น แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยเพราะต่างตกใจ และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งยังมีการพูดข่มขู่ว่า “จะฆ่าทิ้งก็ได้นะ เสียเงินไม่เกินแสน”
โดยจากการสอบถาม น้องเติ้น และยาย ต่างบอกตรงกันว่า ได้ถูก นางเพียบ ภรรยาอดีตข้าราชการครูทำร้ายจริง เพียงเพราะสาเหตุที่นางเพียบ ไม่พอใจ น้องเติ้น ที่ไปแลบลิ้นใส่ จึงตามมาทำร้ายถึงบ้าน ซึ่งหลังจากที่ลงพื้นที่สอบข้อเท็จจริงจากหลาน และยายแล้ว จะได้สอบถามข้อมูลจากนางเพียบ และผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์อีกครั้งเพื่อให้ได้ข้อมูลรอบด้าน เพื่อรวบรวมข้อมูลเสนอผู้บังคับบัญชา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยอาจมีการพูดคุยไกล่เกลี่ยทำความเข้าใจกันทั้งสองฝ่ายเพื่อยุติความขัดแย้งที่อาจจะบานปลายได้
จากการสอบถาม ด.ช.อดิเทพ หรือน้องเติ้น กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองกับเพื่อนได้ไปเล่นอยู่หน้าบ้านของ ป้าเพียบ ซึ่งห่างจากบ้านตัวเองไม่ไกล ยอมรับว่าตนกับเพื่อนได้เล่นเกมปลาเป็นปลาตายกันอยู่ แล้วตนกับเพื่อนมีการเต้นส่ายก้นไปมาแล้วแลบลิ้นจริง แต่ไม่รู้ว่าจะทำให้ป้าเพียบ โมโหแล้วจะตามมาทำร้ายตนเองถึงในบ้าน ทั้งใช้กิ่งมะยมฟาดขา มือตบปาก ดึงหู และกระชากจนศีรษะโขกกับเสาบ้านหัวโน ทั้งยังขู่ว่าจะฆ่าให้ตายก็เสียแค่แสนเดียว
ด้าน นางอุไร ร่าเริง ยายของน้องเติ้น บอกว่า รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และที่ไม่ได้เข้าไปช่วยหลานเพราะตอนนั้นกำลังตกใจ และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาถึงได้ตามมาตีหลานแบบไม่ยั้งมือถึงในบ้าน แต่อย่างไรก็ตาม การกระทำของนางเพียบ ถือว่าเกินกว่าเหตุ หากหลานทำอะไรไม่เหมาะสมน่าจะต่อว่าตักเตือน หรือบอกกับตนเองรับทราบจะได้อบรมสั่งสอน หรือพาหลานไปไหว้ขอโทษ ไม่ควรจะทำรุนแรงกับเด็กเพียง 8 ขวบ ได้ถึงขนาดนี้ หัวอกคนเป็นยายที่เลี้ยงหลานมาตั้งแต่เด็กรับไม่ได้ แต่ไม่ได้อยากให้เรื่องราวบานปลาย
ส่วนจะแจ้งความเอาผิดหรือไม่นั้นต้องรอหารือกับลูกสาวซึ่งเป็นแม่ของน้องเติ้น ที่กำลังจะเดินทางกลับมาจากทำงานที่ จ.นครราชสีมา อีกครั้ง แต่ส่วนตัวไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับหลานของตัวเอง หรือเด็กคนอื่นอีก