ประจวบคีรีขันธ์ - ประชาชน และนักท่องเที่ยวแห่ซื้อทุเรียนป่าละอู หลังเกษตรกรในโครงการหมู่บ้านห้วยสัตว์ใหญ่ ป่าเด็ง-ป่าละอู ตามพระราชดำริ เริ่มตัดผลผลิตออกขายในราคา170-180 บาทต่อ กก. ด้าน อบต.ห้วยสัตว์ใหญ่ เตรียมเปิดรับกรุ๊ปทัวร์ชมสวน 200 คนล็อตแรกในวันอาทิตย์นี้ ด้านพ่อค้าหัวใสปาดหนามทิ้งเพื่อสร้างจุดขาย
วันนี้ (15 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรชาวสวนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทุเรียนป่าละอู พร้อมด้วยชาวบ้านกลุ่มเกษตรกรชาวสวน ในโครงการสหกรณ์หมู่บ้านห้วยสัตว์ใหญ่ป่าเด็ง-ป่าละอู ตามพระราชดำริ และกลุ่มเกษตรกรชาวสวนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทุเรียนป่าละอู ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กว่า 100 ราย ซึ่งมีพื้นที่ปลูกทุเรียนรวมเกือบ 1 หมื่นไร่ ได้เริ่มทยอยตัดทุเรียนหมอนทองป่าละอู ที่เริ่มแก่จัดในช่วงนี้ออกขาย
น.ต.ประสิทธิ์ กาญจนวณิชย์ ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้สมาชิกซึ่งปลุกทุเรียนป่าเด็ง-ป่าละอู ตามพระราชดำริ จำนวน 48 สวน ได้เริ่มทยอยตัดทุเรียนที่แก่จัดออกขายให้แก่ทางสหกรณ์ฯ ซึ่งเป็นตัวแทนในการส่งจำหน่ายยังจุดต่างๆ โดยมียอดสั่งซื้อ จากซูเปอร์มาร์เกตขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ หลายแห่ง ทั้งนี้ แม้ราคาจำหน่ายต่อกิโลกรัมจะสูงถึง 350 บาท แต่ก็ยังได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างมาก โดยคาดว่าจะมีทุเรียนจากสมาชิกของสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัด ที่รวบรวมไว้อย่างน้อย 50 ตัน ในช่วงนี้ไปจนถึงปลายเดือนสิงหาคม และเชื่อว่าจะทำให้เกษตรกรชาวสวนที่เป็นสมาชิกของสหกรณ์มีรายได้ไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท นับจากนี้ไปจนถึงปลายเดือนสิงหาคม
โดยสหกรณ์หมู่บ้านห้วยสัตว์ใหญ่ ป่าเด็ง-ป่าละอู จะรับรองคุณภาพผลผลิตทุเรียนทุกลูก พร้อมติดสติกเกอร์ระบุแอปพลิเคชันไลน์ไว้ที่ก้าน ซึ่งจะมีรหัสเจ้าของสวน เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถติดต่อได้หากพบทุเรียนมีปัญหา นอกจากนั้น ยังใช้เครื่องวัดค่าความอ่อนแก่เพื่อควบคุมคุณภาพ และปัจจุบันยังได้พัฒนาบรรจุ๓ณฑ์ด้วยการทำกล่องบรรจุทุเรียนป่าเด็ง-ป่าละอู เพื่อใช้เป็นของฝาก และยังมีบริการจัดส่งทั้งทางไปรษณีย์อีกด้วย
“วันนี้ยอมรับว่าเริ่มมีล้งจีนเข้ามาติดต่อกับสหกรณ์ฯ ในเรื่องจะขอเป็นพ่อค้าคนกลาง แต่เราเห็นว่าทุเรียนในพื้นที่โครงการตามพระราชดำริ เป็นที่รู้จัก และนิยมในตลาดเมืองไทยอยู่แล้ว ประกอบกับผลผลิตทุเรียนของเราก็ไม่คอยเพียงพอต่อความต้องการของตลาดในประเทศอยู่แล้ว ทางสหกรณ์ฯ จึงต้องการที่จะพัฒนาคุณภาพของทุเรียน รวมทั้งจัดการด้านการตลาด และให้ความรู้เชิงวิชาการแก่เกษตรกรชาวสวนที่เป็นสมาชิกฯ ก่อน” น.ต.ประสิทธิ์ กล่าว
ด้าน นายธวัช เกตุรัตน์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทุเรียนป่าละอู เผยว่า ทุเรียนป่าละอู ถือเป็นทุเรียนที่มีชื่อเสียง และได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคว่ามีรสชาติที่ดี และยังเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว ซึ่งถึงแม้ราคาขายหน้าสวนจะสูงถึงกิโลกรัมละ 150-180 บาท หรือเมื่อผ่านพ่อค้าคนกลางแล้วจะสูงถึงกิโลกรัมละ 200-250 บาท แต่ก็มีเสียงตอบรับจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากเป็นทุเรียนที่มีเม็ดเล็กลีบ หวาน มัน กรอบ เนื้อเนียน แน่น และกลิ่นไม่ฉุน ซึ่งรสชาติจะแตกต่างจากทุเรียนในพื้นที่ภาคตะวันออก และภาคใต้ ซึ่งถึงแม้ในปีนี้จะมีผลผลิตทุเรียนจากทั้งจันทบุรี และระยอง ชุมพร ออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก แต่ก็เชื่อว่าจะไม่เป็นปัญหา และอุปสรรคต่อการจำหน่ายทุเรียนป่าละอูแต่อย่างใด
และจากการสอบถาม ลุงเช้า ใจจิตร เจ้าของบสวนทุเรียนป่าละอู ซึ่งปลูกทุเรียนในเนื้อที่ 10 ไร่ เฉลี่ยแต่ละต้นมีอายุระหว่าง 10-15 ปี บอกว่า ปีก่อนชาวสวนในพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้ง จึงทำให้ผลผลิตทุเรียนออกสู่ตลาดน้อย แต่ในปีนี้เมื่อผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงเดือนสิงหาคม ที่จะมีทุเรียนป่าละอูมากขึ้น และเป็นชุดสุดท้าย ก็เชื่อว่าจะทำให้ยิ่งได้ราคามากขึ้น
เช่นเดียวกับ ป้าประทุม สามพ่วงบุญ ซึ่งตั้งแผงจำหน่ายทุเรียนป่าละอู ริมถนนทางเข้าหมู่บ้านห้วยสัตว์ใหญ่ ที่บอกว่า มีผู้ทราบข่าวเรื่องผลผลิตทุเรียนป่าละอูเริ่มออกสู่ตลาด ต่างพากันเดินทางมาในหมู่บ้านป่าละอู และแวะซื้อทุเรียน ที่ขณะนี้ขายในราคากิโลกรัมละ 180 บาท จนทำให้มีรายได้ถึง 30,000-50,000 บาทต่อวัน และหากเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ก็สามารถสร้างรายได้ถึงวันละ 50,000-60,000 บาท ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่มีทั้งนักท่องเที่ยว ผู้ที่ชอบบริโภคทุเรียน และประชาชนในจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งการมาซื้อถึงป่าละอู ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าได้ทุเรียนในพื้นที่ป่าละอูของแท้
ขณะที่สวน ป.ป่าละอู ซึ่งมีสวนทุเรียนอยู่ในพื้นที่เดิมหลายปีที่ผ่านมา มีการเปิดแผงจำหน่ายทุเรียนป่าละอุ ทั้งที่ติดกับเทศบาลตำบลหนองพลับ และศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ หัวหิน แต่ปีนี้ได้มาเปิดขายเพิ่มเติมอยู่ริมถนนทางออกจากหมู่บ้านห้วยสัตว์ใหญ่ ที่จะมุ่งหน้ากลับลงไปในเมืองหัวหิน โดยได้ใช้กลยุทธ์ปาดหนามทุเรียนทิ้งออกไป และนำภาพขึ้นโปรโมตไว้ในเฟซบุ๊ก ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าโดยที่ไม่มีการคิดค่าใช้ใช้จ่ายเพิ่มเติม ขายในราคากิโลกรัมละ 180 บาทเหมือนแผงจำหน่ายอื่นๆ เหมือนกัน แต่ก็มีบางรายที่ไม่ต้องการเอาหนามออกโดยบอกว่า หากไม่มีหนามก็ไม่ใช่ทุเรียน
ด้าน นางสุนันทา พิมพ์ไทย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ กล่าวว่า หลังมีการเผยแพร่ และแจ้งข้อมูลข่าวสารผ่านกลุ่มไลน์ และเฟซบุ๊ก รวมทั้งการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน ทำให้มีนักท่องเที่ยว และผู้ที่ชื่นชอบรับประทานทุเรียน โทรศัพท์เข้ามาสอบถามถึงการเดินทางมาซื้อทุเรียนป่าละอู และสอบถามถึงราคา และคุณภาพต่อทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นอย่างมาก รวมทั้งขณะนี้ยังมีบริษัททัวร์ให้ความสนใจนำนักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมทุเรียนป่าละอูในวันที่ 24 มิ.ย.ที่จะถึงนี้อีกด้วย ซึ่งทาง อบต.ห้วยสัตว์ใหญ่ ก็ได้จัดกิจกรรมต้อนรับไว้ที่บริเวณศูนย์โอทอปห้วยสัตว์ใหญ่เช่นกัน ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อการค้าขายในพื้นที่ และภาคธุรกิจใกล้เคียงอย่างแน่นอน