อุตรดิตถ์ - ชาวป่าเซ่า เมืองลับแล รวมตัวร้องศูนย์ดำรงธรรมฯ ซ้ำ ค้าน ส.ป.ก.จ่อจัดสรรที่ “บึงกะโล่” ให้นายทุน-ญาตินักการเมือง-นักกฎหมาย สวนทางพระราชดำริ “สมเด็จพระเทพฯ” ที่ให้อนุรักษ์ไว้ จนชาวบ้านเรียก “คลองพระเทพฯ” ย้ำไม่คืบร้องถึง “บิ๊กตู่”
วันนี้ (12 มิ.ย.) นายนฤทธิ์ เรืองผึ้ง พร้อมชาว ต.ป่าเซ่า อ.เมืองอุตรดิตถ์ ราว 10 คน ได้เข้ายื่นหนังสือถึงนายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการ จ.อุตรดิตถ์ ผ่านนายสมมาตร บัวศรี รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรม จ.อุตรดิตถ์ เพื่อคัดค้านไม่ให้สำนักงานปฏิรูปที่เดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) จัดสรรที่ดินบริเวณบึงกะโล่ ราว 7,500 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 2 ตำบล คือ ต.ป่าเซ่า ต.คุ้งตะเภา อ.เมืองอุตรดิตถ์ ให้กับญาติของนักการเมืองท้องถิ่น นักกฎหมาย และนายทุนจากนอกพื้นที่ที่เป็นผู้บุกรุกเข้าไปยึดครอง เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่งที่จะทำการจัดสรรที่ดินบึงกะโล่ ซึ่งเป็นที่สาธารณประโยชน์ที่ชาวบ้าน 2 ตำบลใช้เป็นแหล่งเก็บน้ำเพื่อการเกษตรขนาดใหญ่ เป็นที่ทำมาหากินของสัตว์หลากหลายชนิด เป็นที่เลี้ยงสัตว์ หรือใช้ประโยชน์ร่วมกันมานาน
นายนฤทธิ์กล่าวว่า เคยร้องศูนย์ดำรงธรรมมาแล้วถึง 3 ครั้ง และทุกครั้งก็ไม่เคยมีความคืบหน้าว่า จะดำเนินการอะไรให้กับชาวบ้าน ขณะที่คนบุกรุกกลับมีความพยายามไม่สิ้นสุดที่จะเอาที่ดินทั้งในและรอบบึงกะโล่ เร่งให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทำการจัดสรรให้โดยเร็ว ไม่ทราบว่ามีเหตุผลอะไรถึงต้องเร่งจัดสรรให้กับผู้บุกรุก มีผลประโยชน์อะไรกันหรือไม่
“คุณสมบัติของผู้ที่สมควรได้รับการจัดสรรที่ดินจากนโยบายของรัฐบาลนั้น หน่วยงานราชการน่าจะรู้ดี แต่ชาวบ้านที่ยากจนจริง ไม่มีที่ทำกินจริงกลับไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายได้รับการจัดสรร มีแต่นายทุนมีฐานะเงินทอง เป็นญาติของนักการเมือง เป็นนักกฎหมาย ซึ่งไม่ใช่บุคคลที่เคยทำมาหากินในพื้นที่บึงกะโลมาก่อนทั้งนั้น”
นายนฤทธิ์กล่าวอีกว่า ณ บึงกะโล่แห่งนี้ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2534 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระองค์ท่านได้ทรงเสด็จพระราชดำเนินมาที่โรงเรียนวัดทุ่งเศรษฐี หมู่ที่ 7 ต.ป่าเซ่า ทรงพบปะราษฎรในพื้นที่ จากนั้นทรงปล่อยนก ปล่อยพันธุ์ปลามาแล้ว
นอกจากนี้ พระองค์ท่านยังตรัสว่า “ขอให้เก็บแหล่งน้ำ และพื้นที่ตรงนี้ไว้ให้เป็นแหล่งทำมาหากินของชาวบ้านต่อไป” จนชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า “คลองพระเทพฯ” จึงอยากถามหน่วยงานราชการใน จ.อุตรดิตถ์ว่า ทำไมถึงไม่มีการสนองพระราชดำรัสพระองค์ท่าน แต่กลับทำในทางตรงกันข้าม ด้วยการพยายามจัดสรรที่ดินอย่างเร่งด่วนให้กับกลุ่มผู้บุกรุก หากพระองค์ท่านทราบจะเสียพระทัยแค่ไหนที่หน่วยงานราชการ จ.อุตรดิตถ์ เป็นแบบนี้
นายนฤทธิ์กล่าวอีกว่า หากการร้องคัดค้านผ่านศูนย์ดำรงธรรมฯครั้งนี้ ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็จะไปร้องเรียนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อให้ลงพื้นที่มาดูถึงความเดือดร้อนของประชาชนโดยตรง และนายกรัฐมนตรีจะได้รับรู้รับทราบว่าการทำงานของหน่วยราชการในอุตรดิตถ์เป็นอย่างไร ไม่สนใจปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน มัวแต่มองเรื่องผลประโยชน์ที่จะได้กลับมาเป็นของกลุ่มบุคคลและตัวเอง
