ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ญาติ “เบนซ์” ผู้ต้องหาร่วมฆ่าหั่นศพ “แอ๋ม” เตรียมร้องกระทรวงยุติธรรมช่วยเหลือ ยันเบนซ์ไม่มีส่วนร่วมฆาตกรรมโหด ส่วนหลักทรัพย์ประกันตัว 6.5 แสนยังหาไม่ได้ ด้าน สตช.ยกเลิกคำสั่งย้ายสารวัตรตำรวจสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าว่า ช่วงบ่ายวันนี้ (8 มิ.ย.)ได้รับแจ้งว่า น.ส.เอ (สงวนชื่อ-นามสกุล) พี่สาวของ น.ส.จิดารัตน์ พรหมคุณ หรือเบนซ์ หนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย ปล้นทรัพย์ หรือรับของโจรในคดีร่วมกันฆ่า น.ส.แอ๋ม เตรียมเดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจน้องสาวที่เรือนจำกลางขอนแก่นเป็นครั้งที่ 2 หลังจากเมื่อวานนี้ได้เดินทางมาเยี่ยมแล้ว ภายหลังจากที่พนักงานสอบสวน สภ.เขาสวนกวาง ได้ควบคุมตัวมาขออำนาจศาลฝากขังในผัดแรกเมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา รวมระยะเวลาฝากขังในผัดแรก 9 วัน แต่จนกระทั่งหมดเวลาทำการของเรือนจำในเวลา 15.00 น. กลับไม่พบว่าพี่สาว หรือญาติได้เดินทางมาติดต่อขอเข้าเยี่ยม น.ส.เบนซ์แต่อย่างใด
ส่วนเรื่องของการประกันตัวน้องสาวนั้น น.ส.เอได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า ขณะนี้ทางครอบครัวยังไม่มีการแต่งตั้งทนายความเพื่อเดินเรื่องในการยื่นประกันตัวเบนซ์แต่อย่างใด เนื่องจากหลักทรัพย์ที่ใช้ ประกันตัวสูงมากถึง 650,000 บาท ซึ่งครอบครัวยังไม่รู้ว่าจะหาหลักทรัพย์มาจากที่ใด
น.ส.เอกล่าวต่อว่า ตอนนี้สิ่งที่ทำได้คือการหาพยานและหลักฐานเพื่อมายืนยันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าน้องสาวของตนไม่ได้มีส่วนร่วมในการฆ่าและหั่นศพ น.ส.แอ๋ม เนื่องจากวันเกิดเหตุน้องสาวของตนเองอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ต้องมาถูกตั้งข้อหาเดียวกันกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ โดยหลังจากนี้จะพยายามรวบรวมพยานหลักฐานทั้งภาพถ่าย และพยานบุคคล เพื่อขอความเมตตาจากกระทรวงยุติธรรมให้ช่วยเหลือต่อไป
รายงานข่าวเพิ่มเติมแจ้งว่า จากบัญชีแนบท้ายคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 264/2560 ลงวันที่ 4 มิถุนายน 2560 ในการโยกย้ายตำแหน่ง ซึ่ง พ.ต.ต.ไพรวัลย์ อายุวงษ์ สารวัตร กองกำกับการ 3 กองบังคับ สืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 ซึ่งเป็นตำรวจหัวหน้าชุดติดตามจับกุมตัว น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือ เปรี้ยว พร้อมพวก ซึ่งได้ติดตามไปจนถึงจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า มีคำสั่งย้ายไปเป็นสารวัตรงานป้องกันและปราบปราม สถานีตำรวจภูธรท่าช้าง จังหวัดสิงห์บุรี อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ทางธุรการสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการแก้ไขคำสั่งดังกล่าว โดยให้ พ.ต.ต.ไพรวัลย์ ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิมต่อไป