ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผู้เสียหายแห่ขึ้นโรงพักภูพิงค์ เชียงใหม่ แจ้งความดำเนินคดีตัวแทนจำหน่ายตั๋วเครื่องบินสุดแสบ รับเงินจากลูกค้าแล้วไม่จ่ายสายการบิน ส่งผลออกตั๋วเดินทางไม่ได้ทั้งเส้นทางในประเทศและต่างประเทศ แถมมีแอบเอาบัตรเครดิตลูกค้าไปรูดใช้จ่ายอีก คาดมูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 2 ล้านบาท ทวงถามความรับผิดชอบนานนับเดือนแต่ถูกบ่ายเบี่ยงตลอด และปิดสำนักงานหนี ทางตำรวจเตรียมเรียกตัวผู้ถูกกล่าวหามาสอบสวนข้อเท็จจริง
วันนี้ (8 มิ.ย. 60) ที่สถานีตำรวจภูพิงคราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มผู้เสียหายจากการซื้อตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าผ่านตัวแทนจำหน่ายตั๋วเครื่องบินชื่อ Your Station 9 (ยัวร์ สเตชั่น ไนท์) ที่ตั้งกิจการอยู่ย่านถนนนิมมานเหมินทร์ กลางเมืองเชียงใหม่ รวมตัวกันเข้าพบพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูพิงคราชนิเวศน์ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อตัวแทนจำหน่ายดังกล่าว ที่มี น.ส.ฐิติรัตน์ รตางศุ อายุ 39 ปี ชาวจังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้บริหาร หลังได้รับความเสียหายจากการจ่ายเงินซื้อตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าทั้งเส้นทางในประเทศและระหว่างประเทศกับตัวแทนดังกล่าว
แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลาเดินทางไม่สามารถออกตั๋วเดินทางกับสายการบินได้ เนื่องจากทางตัวแทนจำหน่ายไม่ได้ชำระเงินให้ทางสายการบิน นอกจากนี้ ผู้เสียหายบางรายยังถูกทางตัวแทนดังกล่าวแอบนำบัตรเครดิตไปใช้จ่ายด้วย จากการที่เคยหลอกขอสำเนาบัตรเครดิตไปเมื่อครั้งใช้จ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน เบื้องต้นทางกลุ่มผู้เสียหายระบุว่าสร้างความเสียหายคิดเป็นมูลค่ารวมกันประมาณ 2 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย
น.ส.พัชรามล อินทร์สุวรรณโณ อายุ 31 ปี อาชีพทนายความ และเป็นลูกสาวของ พล.ต.ต.จรินทร์ อินทร์สุวรรณโณ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียหายเปิดเผยว่า ซื้อตั๋วเครื่องบินเส้นทางต่างประเทศกับตัวแทนจำหน่ายรายนี้ 2 ครั้ง ครั้งแรกช่วง ก.ย. 59 เป็นตั๋วเครื่องบินสุวรรณภูมิ-เยอรมัน และสวิตเซอร์แลนด์-สุวรรณภูมิ เดินทางในช่วง พ.ค. 60 กับครั้งที่สอง ช่วง ธ.ค. 59 เพื่อเดินทางไปกลับไทย-ญี่ปุ่น ซึ่งเดินทางในเดือน ธ.ค. 59 โดยในการเดินทางไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นนั้น ขาไปไม่มีปัญหา แต่ขากลับมีปัญหาการออกตั๋วทำให้จ่ายเงินเพิ่ม ซึ่งครั้งนั้นตัวแทนอ้างว่าระบบจองมีปัญหา
ขณะที่การเดินทางไปท่องเที่ยวเยอรมนี และสวิสเซอร์แลนด์ ขาไปไม่มีปัญหาเช่นกัน แต่ขากลับไม่สามารถออกตั๋วได้เช่นกันเนื่องจากตัวแทนไม่ได้ชำระเงินให้สายการบิน จึงต้องจ่ายเงินซื้อตั๋วใหม่เพื่อเดินทางกลับเป็นเงินกว่า 1 แสนบาท ทั้งที่จ่ายเงินซื้อตั๋วกับตัวแทนไปแล้วก่อนหน้านี้เกือบ 1 แสนบาท เมื่อกลับมาถึงได้ติดตามทวงถามแต่ถูกบ่ายเบี่ยงตลอดและปิดสำนักงานไป จนต้องเข้าแจ้งความดำเนินคดีในครั้งนี้
ขณะที่นายทวีชัย บุญธรรม อายุ 38 ปี ผู้เสียหายอีกรายหนึ่งเปิดเผยว่า ในส่วนของตัวเองได้แนะนำลูกค้าให้ไปใช้บริการกับตัวแทนจำหน่ายตั๋วเครื่องบินรายนี้มานานกว่า 1 ปีแล้วซึ่งไม่เคยมีปัญหา จนกระทั่งช่วงเดือน มี.ค. 60 เริ่มมีปัญหาเกิดขึ้น โดยทางลูกค้าไม่สามารถเดินทางได้ และไม่มีชื่อผู้โดยสารในเที่ยวบิน ซึ่งเป็นในลักษณะที่ทางตัวแทนทำการจองตั๋วไว้แต่ไม่ได้จ่ายเงินให้กับทางสายการบิน ทำให้ถูกยกเลิกการจอง ทั้งที่ลูกค้าจ่ายเงินไปแล้ว
ลูกค้าบางรายจำเป็นต้องเดินทางก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มหรือซื้อตั๋วใหม่ บางรายก็ยกเลิกการเดินทาง แล้วขอเงินคืนจากทางตัวแทน แต่ส่วนใหญ่ไม่เคยได้รับ โดยรายที่เป็นลูกค้าที่ตัวเองมีความสนิมเป็นการส่วนตัวและเกิดปัญหาขึ้น ทางตัวเองก็ได้ทำการสำรองจ่ายเงินไปให้ก่อนจนมียอดรวมทั้งสิ้นแล้วประมาณ 600,000 บาท เพื่อให้ลูกค้าสามารถเดินทางได้ จากนั้นเมื่อตัวเองติดต่อทวงถามเพื่อขอให้ทางตัวแทนจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวคืนให้กลับถูกบ่ายเบี่ยงจนกระทั่งปิดสำนักงานไปในที่สุด ทำให้ต้องเข้าแจ้งความในครั้งนี้
สำหรับวิธีการของตัวแทนจำหน่ายตั๋วเครื่องบินรายนี้ที่ทำให้ลูกค้าได้รับความเสียหายนั้น เบื้องต้นคาดว่ารับเงินจากลูกไปแล้ว และทำการจองตั๋วกับสายการบินให้ แต่ยังไม่จ่ายให้กับทางสายการบิน ซึ่งจะทำให้ได้รับ Booking Number มาสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ลูกค้า เพราะสามารถนำไปใช้ตรวจสอบรายชื่อผู้โดยสารที่ทำการจองในเว็บไซต์ของสายการบินได้ แต่การจองดังกล่าวจะถูกยกเลิกไปในช่วงประมาณ 24-48 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง ซึ่งทำให้ไม่สามารถออกตั๋วเดินทางได้ และสร้างความเสียหายให้กับลูกค้า ส่วนเงินค่าตั๋วที่รับไปจากลูกค้าแล้วนั้น เชื่อว่าทางตัวแทนใช้วิธีการหมุนเงินจากลูกค้ารายล่าสุดไปจ่ายให้กับลูกค้ารายก่อนหน้า จนกระทั่งในที่สุดไม่สามารถหมุนเงินได้
นอกจากนี้ ผู้เสียหายอีกรายหนึ่งที่ขอปกปิดชี่อเปิดเผยว่า สามีเป็นชาวต่างประเทศ ที่ผ่านมาใช้บริการซื้อตั๋วเครื่องบินกับทางตัวแทนรายนี้มาหลายครั้ง ทั้งการเดินทางในประเทศและต่างประเทศ เคยพบว่าทางตัวแทนเคยนำบัตรเครดิตของสามีที่เคยถ่ายสำเนาให้ไว้ไปใช้จ่ายในการซื้อตั๋วเครื่องมาครั้งหนึ่งแล้ว จึงทวงถามและได้รับการชดใช้ให้ไปแล้ว ล่าสุดพบว่าทางตัวแทนรายนี้มีการแอบนำบัตรเครดิตของสามีไปใช้อีกคิดเป็นเงินไทยกว่า 200,000 บาท ซึ่งทราบจากการที่ทางบัตรเครดิตเรียกเก็บเงิน จึงทวงถามไป แต่ไม่สามารถติดต่อได้และพบว่าสำนักงานถูกปิดไปแล้ว จึงเข้าแจ้งความด้วย
ด้าน พ.ต.ท.เอนก ไชยวงศ์ รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ ระบุว่า เบื้องต้นได้รับแจ้งความจากทางผู้เสียหาย พร้อมจะทำการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อดูว่าเป็นลักษณะของการฉ้อโกงหรือฉ้อโกงประชาชน หลังจากนี้จะเรียกผู้ถูกกล่าวหามาสอบสวน ส่วนผู้ใดที่ได้รับความเสียหายจากตัวแทนจำหน่ายตั๋วเครื่องบินรายนี้สามารถเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีได้ที่สถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์