นครปฐม - รอง ผบ.พล.ร.9 นำทีมเรียกฝ่ายปกครอง ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรมชลประทาน สิ่งแวดล้อม หารือตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีผู้ใหญ่บ้านลักลอบดูดทราย ทำให้คลองชลประทาน 2 จังหวัดพังเสียหาย พบความผิดชัด เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่กระทำผิดเอาสมบัติแผ่นดินไปขาย สั่งเข้มเจ้าหน้าที่รัฐต้องเร่งเอาผิด หากเพิกเฉยอาจเข้าข่ายมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
วันนี้ (2 มิ.ย.) พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ รอง ผบ.พล.ร.9 พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้ากรณี นายวิชัย จำเล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 ตำบลทุ่งลูกนก อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ได้มีการบุกรุก และทำลายคลองชลประทานส่งน้ำ ระบาย 5 ซ้าย ท่าสาร-บางปลา (ฝั่งซ้าย) หมู่ 5 ตำบลหนองลาน อำเภอท่ามะกา และในส่วนของหมู่ 7 ตำบลหนองกระทุ่ม อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม จนพังเสียหาย รวมระยะทางประมาณ 300 เมตร ทำให้เกิดความเสียหายแก่ภาครัฐ
โดยในที่ประชุมได้มี นายวิชัย จำเล ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 12 ตำบลทุ่งลูกนก เข้ามาร่วมหารือ และชี้แจงแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งก่อนหน้าได้เคยมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าว และได้สั่งการให้มีการทำการซ่อมแซมคลองส่งน้ำที่หายไปขึ้นมาใหม่ ภายในระยะเวลา 6 เดือน แต่ต่อมาเรื่องนี้ได้เกิดมีการวิพากษ์วิจารณ์ในข้อการปฏิบัติ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วทั้งหมดเป็นเรื่องที่เข้าข่ายความผิดสำเสร็จแล้ว จึงมิอาจที่จะให้โอกาสได้อีก อีกทั้งผู้กระทำผิดก็เป็นยังดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน จึงต้องมีการหารือในหลายหน่วยงานเพื่อหาทางออก และแก้ไขในเรื่องดังกล่าวโดยเร็วที่สุด
โดย พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ รอง ผบ.บก.ควบคุม พล.ร.9 ได้สั่งให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง รีบเร่งรัดดำเนินการอย่างรวดเร็ว และให้หน่วยงานที่ได้รับความเสียหายทุกหน่วยงาน เร่งดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้ที่กระทำผิด โดยบังคับใช้กฎหมายต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน พร้อมเตือนเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายอย่าละเว้น ไม่เช่นนั้นอาจโดนข้อหามาตรา 157 เพราะว่าการกระทำครั้งนี้นับว่าเป็นการลักลอบเอาทรัพย์ของแผ่นดินไปขาย
อีกทั้งยังเป็นผู้ใหญ่บ้าน และยังทำความผิดตามกฎหมายเสียเองอีกด้วย และการก่อความผิดเป็นเขตติดต่อรวม 2 จังหวัด คือ จังหวัดนครปฐม และจังหวัดกาญจนบุรี จึงต้องทำตามกฎหมาย ไม่เช่นนั้นหน่วยงานราชการจะถูกมองว่าละเลยการปฏิบัติหน้าที่ และในส่วนของอำเภอกำแพงแสน จะต้องมีการดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดของ นายวิชัย จำเล ตามอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบที่มีโดยตรง
เนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิดเสียเอง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กำแพงแสน และ สภ.ท่าเรือ ต้องเร่งดำเนินการทางกฎหมาย ทำการตรวจยึดเครื่องมือในการดูดทรายเพื่อไม่ให้กระทำผิด และสั่งการให้ผู้กระทำผิดหาทรัพยากรในที่อื่นมาทำการซ่อมแซมในส่วนที่เสียหาย ไม่ใช่ให้ผู้กระทำผิดเอาทรัพยากรในพื้นที่มาทำการซ่อมแซม และให้ร้อย รส.ม.พัน.19 ทำการตรวจสอบการปฏิบัติ และรายงานผลให้ทราบอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างเคร่งครัด