ระยอง - ชุมชนศูนย์การค้าบ้านฉาง จ.ระยอง วอนพ่อเมืองระยอง ลงพื้นที่ดูแลปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน หลังรวมตัวกันยื่นหนังสือต่อนายกเทศมนตรีเมืองบ้านฉาง ให้เร่งแก้ไขปัญหาน้ำไหลเข้าท่วมร้านค้าริมถนนสุขุมวิท และบ้านเรือนประชาชนตามซอยต่างๆ ทุกครั้งที่มีฝนตกหนัก หวั่นวิกฤตเช่นปี 58
วันนี้ (28 พ.ค.) นายกฤตพัฒน์ อนันต์ชนินทร์ พร้อมตัวแทนชุมชนซึ่งอาศัยอยู่บริเวณศูนย์การค้าบ้านฉาง เขตเทศบาลเมืองบ้านฉาง ได้รวมตัวกันยื่นหนังสือร้องเรียนถึง นายไพโรจน์ เรืองธุรกิจ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านฉาง หลังน้ำได้ไหลเข้าท่วมร้านค้าริมถนนสุขุมวิท และบ้านเรือนราษฎรที่อาศัยอยู่ในซอยต่างๆ บริเวณชุมชนศูนย์การค้าบ้านฉาง ทุกครั้งที่มีฝนตกหนักจนก่อให้เกิดความเดือดร้อน และความเสียหายต่อทรัพย์สิน จนหวั่นว่าจะเกิดผลกระทบหนักเช่นปี 2558 ที่ผ่านมา โดยขอให้นายกเทศมนตรีเมืองบ้านฉาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเข้ามาแก้ไขปัญหาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน
ทั้งนี้ นายกฤตพัฒน์ อนันต์ชนินทร์ พร้อมตัวแทนชุมชน ได้นำสื่อมวลชนลงพื้นที่ดูสภาพปัญหาน้ำท่วมตั้งบริเวณปากซอยเทศบาล 21 ริมถนนสุขุมวิท ตลอดระยะทางกว่า 200 เมตร โดยพบว่าสภาพหน้าร้านค้าเกือบทุกร้านต้องก่ออิฐยกสูงป้องกันน้ำท่วม โดยตัวแทนชุมชนยังได้ฝากวอนไปถึง นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ให้เข้ามาดูแลปัญหาความเดือดร้อนของชุมชนศูนย์การค้าบ้านฉาง เพื่อจะได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไขปัญหาในระยะยาว
ขณะที่ นายกมล จงเจริญมั่นคง อายุ 68 ปี เจ้าของร้านแสงไฟฟ้า กล่าวว่า เมื่อไม่นานมานี้ได้มีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันในเขตตัวเมืองระยอง จนทำให้น้ำระบายไม่ทัน ซึ่งทางร้านต้องรีบนำกระสอบทรายมากั้น และยังเกรงว่าจะเกิดน้ำท่วมหนักเช่นปี 2558 ที่มีร้านค้าในชุมชนศูนย์การค้าบ้านฉาง ถูกน้ำท่วมเสียหายหนัก
เช่นเดียวกับเจ้าของร้าน “ธันวา” ขายผ้าและอุปกรณ์ตัดเย็บ ที่กล่าวว่า ในปี 2558 ที่ร้านของตนถูกน้ำไหลเข้าท่วมจนสูงระดับเอว ทำให้ผ้าเมตร และอุปกรณ์จมน้ำค่าเสียหายกว่า 600,000 บาท ซึ่งในขณะนั้นไม่มีใครเข้ามาให้การช่วยเหลือ แม้แต่หน่วยงานท้องถิ่น จึงขอฝากยังเทศบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้แก้ไขในระยะยาว
ด้าน นายไพโรจน์ เรืองธุรกิจ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านฉาง ได้กล่าวชี้แจงต่อผู้ประกอบการร้านค้าในชุมชนศูนย์การค้าบ้านฉาง ว่า หลังได้รับหนังสือร้องเรียนความเดือดร้อนก็ไม่นิ่งนอนใจ และได้มีการเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแขวงการทางฯ เพื่อแก้ไขปัญหา และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งดูดทราย และขยะในท่อเพื่อให้น้ำไหลเร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังขอฝากเตือนไปยังประชาชนไม่ให้ทิ้งขยะลงลำคลอง เพราะจะทำให้ท่อระบายน้ำอุดตันได้
“เบื้องต้นแขวงการทางฯ “ได้รับทราบปัญหาแล้ว แต่ยังติดขัดที่งบประมาณในการวางท่อลอดใต้ถนน หรือขยายท่อเดิมให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งจะทำให้ระบายน้ำได้เร็วขึ้น และยังเป็นการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในระยะยาว” นายไพโรจน์ กล่าว