นครปฐม - ทหาร ตำรวจบุกยึดเครื่องจักรผู้ใหญ่บ้าน ต.ทุ่งลูกนก ลักลอบขุดทรายนับ 100 ไร่ ทำให้คลองชลประทาน จ.นครปฐม และจ.กาญจนบุรี พังเสียหาย
วันนี้ (3 มิ.ย.) ร.ต.ท.ศักดิ์ดา คำมุงคุล รองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม รับแจ้งจาก นายวิฑูรย์ กลิ่นบุศย์ นายช่างชลประทานปฏิบัติงาน ผู้แทนสำนักงานชลประทาน ฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 3 โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมทหารชุดปฏิบัติการกองพลทหารราบที่ 9 กำแพงแสน เพื่อดำเนินคดีต่อ นายวิชัย จำเล ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 12 ตำบลทุ่งลูกนก อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม หลังแอบลักลอบเข้ามาประกอบธุรกิจดูดทราย
โดยการกระทำในครั้งนี้เป็นการทำการค้าโดยผิดกฎหมายในพื้นที่ หมู่ 7 ตำบลหนองกระทุ่ม อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม และเขตพื้นที่ หมู่ 5 ตำบลหนองลาน อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี รวมเนื้อที่กว่า 100 ไร่ จนเป็นเหตุให้คันคลองระบาย 5 ซ้าย ท่าสาร-บางปลา ช่วง กม.2+100-กม.2+300 (ฝั่งซ้าย) ของกรมชลประทาน ได้รับความเสียหายเป็นระยะทาง 300 เมตร
จากนั้นกำลังเจ้าหน้าที่ทหารจากพลทหารราบที่ 9 และเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรกำแพงแสน ได้เดินทางไปตรวจสอบที่ หมู่ 7 ตำบลหนองกระทุ่ม แต่ไม่พบตัว นายวิชัย ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 12 พบแต่เพียง น.ส.วาณิชา จำเล อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 128 หมู่ 12 ตำบลหนองกระทุ่ม อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม รับเป็นผู้ดูแลบ่อทรายดังกล่าว
จากการตรวจสอบไม่พบเครื่องจักร และคนงานในบริเวณบ่อทราย พบเพียงรถแบ็กโฮ จำนวน 1 คัน จอดเสียทิ้งไว้ข้างบ่อยทราย ส่วนรถแบ็กโฮ และเรือดูดทรายบางส่วนที่เคยเข้ามาตรวจสอบครั้งแรก นายวิชัย ได้ทำการขนย้ายหนีออกไปตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา หลังจาก เจ้าหน้าที่ทหาร ได้เชิญให้ไปชี้แจงในที่ประชุม เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดเครื่องบันทึกข้อมูล และกล้องวงจรปิดของบ่อทราย จำนวน 1 ชุด อายัดรถแบ็กโฮที่จอดอยู่บริเวณบ่อทรายไว้ด้วย 1 คัน ซึ่งในส่วนของคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เรียกนายวิชัย มาทำการสอบสวน และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน นายเชาวเนตร ยิ้มประเสริฐ นายอำเภอกำแพงแสน ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว โดยเรียกประชุมเจ้าหน้าที่โดยด่วน และจะได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อทำการสอบเรื่องที่เกิดขึ้น หากพบมีความผิดจริงจะต้องถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านทันที เพราะถือมีความผิดร้ายแรง เป็นเจ้าหน้าที่รัฐแต่กลับเป็นผู้ลักลอบดูดทรายเอาทรัพย์สินของแผ่นดินไปขาย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นการใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำผิดกฎหมายบ้านเมือง