xs
xsm
sm
md
lg

ศปก.พป. บุกจัดระเบียบแพริมอ่างฯ เขื่อนศรีนครินทร์ พบผิดระเบียบอื้อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - จนท.ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) พญาเสือ พยัคฆ์ไพร ฉลามขาว พร้อมกำลังหลายฝ่ายปูพรมจัดระเบียบแพพักริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ พบส่วนใหญ่ประกอบกิจการ และการอยู่อาศัยไม่ถูกสุขลักษณะ ปล่อยน้ำเสียลงแหล่งน้ำโดยไม่มีการบำบัด ทิ้งสิ่งปฏิกูลในเขตอุทยานฯ พร้อมยยึดแพของสมาชิก อบต.บางชัน จ.นครปฐม หลังพบต่อแพพักขนาดใหญ่โดยไม่ขออนุญาต

วันนี้ ( 1 มิ.ย.) นายฐิติ โสมภีร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ได้กล่าวชี้แจงถึงแผนปฏิบัติการทวงคืนผืนป่า และผืนป่าอนุรักษ์ ตามภารกิจพญาเสือ 60 เพื่อตรวจสอบแพพัก และรีสอร์ตที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี เพื่อจัดระเบียบแพพักให้มีความเหมาะสมภายใต้ พ.ร.บ.อุทยานฯ โดยมีเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) นายยรรยง เลขาวิจิตร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษ ผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (หน.ชุดพญาเสือ) รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ณ หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ ศร.10 (องสิต) ต.นาสวน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี

ภารกิจในครั้งนี้เป็นการเข้าตรวจสอบแพ และรีสอร์ตที่อยู่ริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ บ้านเจาเหลาะ รวมทั้งเข้าตรวจสอบแพพักในพื้นที่ อ.ไทรโยค เอราวัณ เขาแหลม ผลจากการเข้าตรวจสอบพื้นที่เป้าหมาย 3 จุด พบว่า บริเวณจุดแรก คือ บ้านปลายนาสวน มีแพพักอาศัย 13 หลัง และยังได้เข้าตรวจสอบแพพักรายหนึ่งที่ได้รับการร้องเรียนว่า ประกอบกิจการแพพักบริการ รายทัวร์ฟิชชิงคลับ

หลังการตรวจสอบพบว่า แพดังกล่าวประกอบกิจการ และการอยู่อาศัยไม่ถูกสุขลักษณะ ทั้งยังมีการปล่อยน้ำเสียลงแหล่งน้ำโดยไม่มีการบำบัด ทิ้งสิ่งปฏิกูลในเขตอุทยานฯ จึงได้ทำการเปรียบเทียบปรับ นายอนุชิต หาญราชา อายุ 24 ปี และนางพรทิพย์ ไพรเถื่อน ซึ่งเป็นภรรยา ตามมาตรา 16 มาตรา 18 และมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานฯ ระวางโทษเปรียบเทียบปรับไม่เกิน 1,000 บาท

ส่วนเป้าหมายที่ 2 ได้เข้าตรวจสอบแพของ น.ส.สุคนธ์ เนียมพันธุ์ และแพของ น.ส.สะกาวเดือน ศรียงยศ ซึ่งเป็นนักลงทุนท้องถิ่น พบว่า แพทั้ง 2 แห่งไม่ถูกสุขลักษณะ มีการปล่อยน้ำเสียลงแหล่งน้ำ และไม่มีการบำบัด ทั้งยังทิ้งสิ่งปฏิกูลในเขตอุทยานฯ จึงได้ทำการเปรียบเทียบปรับตามตามกฏหมาย

เช่นเดียวกับ แพชมไพร ซึ่งเป็นของ นายนิวัฒน์ แสงฉาย อายุ 52 ปี สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลนาสวน ที่ได้แจ้งต่อคณะทำงานว่า ได้สร้างแพลากจูงแพบริการพร้อมติดตั้งเครื่องยนต์ประมาณ 1 ปี และได้ชำระภาษีรายปีให้ อบต.นาสวน เป็นเงิน 300 บาทต่อปี และยังอ้างว่า แพท่องเที่ยวทุกหลังในเขื่อนต้องชำระภาษีรายปีให้ อบต.นาสวน เป็นเงิน 300-600 บาท

แต่คณะเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่า แพดังกล่าวเข้าไปหาประโยชน์ในเขตอุทยานฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตาม ม.16 ม.17 ม.28 พ.ร.บ.อุทยานฯ จึงเปรียบเทียบปรับไม่เกิน 500 บาท และยังได้ตรวจยึดแพของ นายพิพัฒน์ ตรีพงศ์พันธ์ สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลบางชัน อ.สามพราน จ.นครปฐม ที่ต่อแพพักขนาดใหญ่ในเขตอุทยานฯ โดยไม่มีการขออนุญาตอีกด้วย

ขณะที่เป้าหมายที่ 3 แพทับมงคล และแพชัยมารีน บริเวณน้ำเอ่อ ม. 2 บ้านน้ำพุ ต.เขาโจด ซึ่งเป็นของนายทุนรายใหญ่ที่ได้เคลื่อนย้ายหลบหนีการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ไปอยู่ที่ท่ากระดาน ซึ่งหากเจ้าหน้าที่พบว่า มีการนำกลับเข้ามาในพื้นที่อุทยานฯ อีก จะทำการจับกุม และดำเนินคดีตามกฎหมายในทันที


กำลังโหลดความคิดเห็น