ประจวบคีรีขันธ์ - เร่งช่วยชีวิตคนงานหญิงชาวอุดรธานี ที่มาทำงานตัดหญ้าในรีสอร์ต ในพื้นที่อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถูก “งูกะปะ” ฉกเข้าที่มือได้รับบาดเจ็บ กู้ภัยเร่งนำส่งโรงพยาบาลให้แพทย์ช่วย ล่าสุด ปลอดภัยแล้ว เผย “งูกะปะ” เป็นงูที่มีมีพิษรุนแรงมาก
วันนี้ (25 ธ.ค.) ศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถานปราณบุรี ได้รับแจ้งจากเจ้าของอิ่มสุข รีสอร์ท ว่า มีคนงานหญิงถูกงูกัดได้รับบาดเจ็บอยู่ที่บริเวณชายทะเลปากน้ำปราณ หน้าจุดชมวิวแหลมเกด ที่พักอิ่มสุข รีสอร์ท ม.5 ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงรีบรุดไปที่เกิดเหตุ และรีบนำคนงานหญิงที่ถูกงูกัดได้รับบาดเจ็บขึ้นรถกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาลปราณบุรี ให้แพทย์ทำการรักษาอย่างเร่งด่วน
ทราบชื่อต่อมาตือ นางสมพร แก่นคำ อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 45 ม.6 ต.บะยาว อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี เป็นคนงานรับงานตัดหญ้าในรีสอร์ตได้รับบาดเจ็บถูกงูกัดที่บริเวณหลังมือข้างขวา เพื่อนๆ ที่เห็นได้ใช้ผ้ามาพันห้ามพิษไว้ และรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลปราณบุรี
จากการสอบถามเจ้าของรีสอร์ต ทราบว่า วันนี้ได้นำคนงานประมาณ 10 กว่าคนมาทำความสะอาดตัดหญ้า และถอนหญ้าภายในรีสอร์ต ตามห้องพัก สนามหญ้า และสวน เพื่อเตรียมต้อนรับลูกค้าที่จะเข้ามาพักช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ ขณะที่ทุกทุกคนกำลังแยกย้ายตามจุดต่างๆ ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนว่าถูกงูกัด จึงได้รีบไปดูเมื่อสอบถามว่าเป็นอะไร นางสมพร บอกว่าถูกงูกัด ขณะกำลังถอนหญ้าอยู่ จึงบอกให้เพื่อนคนงานดูว่างูเลื้อยอยู่ใต้ต้นมะม่วงหาวมะนาวโห่ เพื่อนคนงานเห็นงูจึงช่วยกันใช้ไม้ตีงูจนตาย และบันทึกภาพไว้เพื่อให้แพทย์ดูว่าเป็นงูชนิดใดที่ ล่าสุด แพทย์ได้ทำการเจาะเลือด และรักษาอาการ เบื้องต้น อาการปลอดภัย แต่ยังคงต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพื่อรอดูอาการอย่างใกล้ชิด
สำหรับงูกะปะ เป็นงูพิษที่มีพิษรุนแรงมาก มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Calloselasma rhodostoma จัดเป็นงูเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสกุล Calloselasma โดยไม่มีชนิดย่อย ลักษณะหัวเป็นรูปสามเหลี่ยม คอเล็ก ลำตัวอ้วน หางเรียวสั้น มีลายเป็นรูปเหมือนหลังคาบ้านอยู่ด้านข้างตลอดลำตัว มีสีเทาอมชมพู ลายสีน้ำตาลเข้ม เกล็ดมีขนาดใหญ่ จะงอยปากงอนขึ้นข้างบน หากินเวลาพลบค่ำ และกลางคืน
โดยเฉพาะในเวลาที่มีความชื้นในอากาศสูง เช่น หลังฝนตก ชอบอาศัยในดินปนทรายที่มีใบไม้หรือเศษซากไม้ทับถมกันเพื่อซ่อนตัว เป็นงูที่ไม่ปราดเปรียว เวลาตกใจจะงอตัว หรือขดนิ่ง แต่ฉกกัดรวดเร็วมาก กินอาหารได้แก่ สัตว์ขนาดเล็ก เช่น หนู นก หรือสัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็ก มีความยาวเต็มที่ประมาณ 1 เมตร
พบกระจายพันธุ์ทั่วไปในภูมิภาคอินโดจีน ไปจนถึงแหลมมลายู สำหรับในประเทศไทยพบได้ทั่วทุกภาค แต่จะพบมากที่สุดในภาคใต้ เป็นงูที่ปรับตัวให้อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการทำเกษตรกรรมได้ เช่น สวนยางพารา หรือสวนปาล์มน้ำมัน จึงมักจะมีผู้ถูกกัดอยู่บ่อยๆ นับเป็นงูพิษที่มีอันตรายต่อมนุษย์มากที่สุดที่พบในประเทศไทย ซึ่งพิษของงูกะปะนั้นมีผลต่อระบบเลือด ทำให้เลือดออกมากผิดปกติ เมื่อถูกกัดภายใน 10 นาที หลังบริเวณรอบแผลที่ถูกกัดจะบวมขึ้นย่างรวดเร็ว จนกระทั่งแขน หรือขาข้างนั้นบวมไปหมดภายใน 1 ชั่วโมง โดยในรอยเขี้ยวจะมีเลือดไหลตลอดเวลา บริเวณแขนขาที่บวมจะมีสีเขียวคล้ำ ผิวหนังเกิดพองตอนแรกมีน้ำใส ต่อมา ภายหลังมีเลือด ภายหลังถูกกัดไม่กี่วันรอยเขี้ยวจะเกิดการเน่า ทำให้ผิวหนังมีเลือดออกเป็นรอยคล้ำ เลือดออกทางเดินอาหาร ผู้ที่โดนกัดจะเสียชีวิตได้จากความดันโลหิตต่ำ ซึ่งความดันโลหิตต่ำเกิดจากการเสียเลือดนั่นเอง