บุรีรัมย์ - ผู้มีรายได้น้อยบุรีรัมย์กว่าพันคน แห่นำสมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็มเข้าคิวเช็กยอดเงินสวัสดิการแห่งรัฐรายละ 1,500-3,000 บาท เป็นแถวยาวเหยียด หลายรายแห่ถอนเงินสดไปใช้จ่ายจนล้น ธ.ก.ส.ต้องตั้งโต๊ะให้บริการเบิกถอนด้านนอกเพื่อความรวดเร็วหลายคนสับสนมีบัญชี ธ.ก.ส.แต่ไปขึ้นทะเบียนธนาคารอื่น
วันนี้ (13 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาบุรีรัมย์ ได้มีเกษตรกรและประชาชนที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้มีรายได้น้อย ทั้งในเขตอำเภอเมืองบุรีรัมย์ และอำเภอใกล้เคียง แห่นำสมุดบัญชีเงินฝาก และบัตรเอทีเอ็ม มาเข้าคิวรอปรับและกดเช็คยอดเงินโอนช่วยเหลือตามโครงการสวัสดิการแห่งรัฐที่ ธ.ก.ส.สาขาบุรีรัมย์ เป็นแถวยาวเหยียดล้นออกมาถึงถนนหน้าธนาคาร ตั้งแต่ก่อนเปิดทำการ ซึ่งหลังจากผู้ที่ปรับเช็คยอดแล้วพบว่า มียอดเงินโอนเข้าในบัญชีทั้งรายละ 1,500 บาท และ 3,000 บาท ส่วนใหญ่จะตัดสินใจถอนเป็นเงินสดทันทีจนต้องรอคิวแน่นตู้เอทีเอ็ม และเคาน์เตอร์ ทางธนาคารจึงได้จัดเจ้าหน้าที่ไปคอยให้บริการปรับสมุดที่บริเวณหน้าตู้เอทีเอ็ม และตั้งโต๊ะให้บริการเบิกถอนเงินด้านนอกเพิ่มเติมอีกด้วย เพื่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็วแก่ประชาชนที่มาใช้บริการ
อย่างไรก็ตาม ยังพบประชาชนบางส่วนเกิดความสับสน เป็นลูกค้า ธ.ก.ส.และเปิดบัญชีของ ธ.ก.ส.อยู่แล้ว แต่ตอนลงทะเบียนไปลงที่ธนาคารออมสินแต่ไม่ได้เปิดบัญชีที่ออมสิน แต่กลับมาเช็กยอดเงินที่ ธ.ก.ส.จึงไม่พบยอดเงินโอนเข้าบัญชี เจ้าหน้าที่จึงแนะนำให้ไปเปิดบัญชียังธนาคารที่ลงทะเบียน
นายจักรดุล ศรีสุวรมนตรี ผู้อำนวยการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรสาขาบุรีรัมย์ กล่าวว่า จากข้อมูลพบว่ามีประชาชนผู้มีรายได้น้อยมาขึ้นทะเบียนผ่าน ธ.ก.ส.ทั้ง 26 สาขา รวมจำนวน 86,980 ราย คิดเป็นยอดเงินโอนรวมกว่า 197 ล้านบาท คาดว่าจะมีประชาชนมาปรับเช็คยอดเงินและถอนเงินคึกคักตลอดทั้งสัปดาห์ ซึ่งทางธนาคารต้องได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกเต็มที่
นางอุดม โจดรัมย์ อายุ 59 ปี กล่าวว่า ปกติมีอาชีพทำนาและเป็นลูกค้า ธ.ก.ส.มีบัญชีของ ธ.ก.ส.อยู่แล้ว แต่ตอนไปลงทะเบียนเป็นผู้มีรายได้น้อย ได้ไปลงทะเบียนที่ธนาคารออมสินแต่ไม่ได้เปิดบัญชีที่ออมสิน เมื่อมาปรับเช็กยอดเงินที่ ธ.ก.ส.ไม่พบยอดเงินโอนเข้าบัญชีเหมือนกันคนอื่น จึงไปสอบถามทางธนาคาร เจ้าหน้าที่แนะนำให้ไปสอบถามธนาคารที่ลงทะเบียนไว้ เพื่อขอเปิดบัญชีและรอรับเงินโอนช่วยเหลือจากรัฐในรอบต่อไป ซึ่งจะได้รีบไปติดต่อเพราะเกรงจะเสียสิทธิ์รับการช่วยเหลือ