บุรีรัมย์ - ผู้มีรายได้น้อยบุรีรัมย์แห่นำสมุดบัญชีเงินฝากและบัตรเอทีเอ็มเช็กยอดเงินสวัสดิการแห่งรัฐ รายละ 1,500 บาท กับ ธ.ก.ส.คึกคัก ต่างดีใจเมื่อมียอดเงินโอนเข้าบัญชี บางรายกดถอนเงินสดเพื่อนำไปใช้จ่ายทันที ขณะบางรายผิดหวังไม่มียอดเงินโอน เผยทั้ง 26 สาขามีผู้มาลงทะเบียน 8 หมื่นกว่าราย รวมยอดเงินกว่า 197 ล้านบาท
วันนี้ (12 ธ.ค.) เกษตรกรและประชาชนผู้มีรายได้น้อยในเขตอำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ได้นำสมุดบัญชีเงินฝาก และบัตรเอทีเอ็มมาปรับและกดเช็กยอดเงินโอนช่วยเหลือตามโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาบุรีรัมย์ อย่างคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า ส่วนใหญ่เมื่อปรับเช็กยอดต่างดีใจเมื่อมียอดเงินโอนเข้าบัญชีรายละ 1,500 บาท โดยบางรายที่มีบัตรเอทีเอ็มก็กดถอนเงินสดเพื่อนำไปใช้จ่ายทันที
ขณะบางรายต่างผิดหวังเมื่อไม่มียอดเงินโอนเข้าบัญชีตามที่คาดหวังไว้ เจ้าหน้าที่จึงได้แนะนำให้ไปขอตรวจสอบคุณสมบัติที่สรรพากรพื้นที่ว่าเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติไม่ตรงตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้หรือไม่ เช่น มีรายได้เกิน 100,000 บาทต่อปี หรือเป็นผู้เสียภาษีหรือไม่ ทั้งนี้ยังพบปัญหาผู้มีรายได้น้อยอีกจำนวนมากที่ลงทะเบียนไว้แต่ยังไม่ได้เปิดบัญชีเงินฝาก จึงได้เร่งรัดให้ไปเปิดบัญชียังธนาคารที่แจ้งลงทะเบียนไว้ เพื่อรักษาสิทธิของตัวเอง และรอรับเงินโอนช่วยเหลือตามโครงการดังกล่าว
โดยจากข้อมูลของ ธ.ก.ส.พบว่า ธ.ก.ส.ทั้ง 26 สาขา ทั้งสิ้นจำนวน 86,980 ราย คิดเป็นยอดเงินโอนรวมกว่า 197 ล้านบาท
นางนันทวัน วรเชษฐ์ อายุ 53 ปี แม่ค้าขายส้มตำที่นำบัตรเอทีเอ็มมาปรับเช็กยอดเงินโอนช่วยเหลือตามโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ กล่าวว่า หลังทราบว่ากระทรวงการคลังได้ทยอยโอนเงินเข้าบัญชีให้แก่ผู้มีรายได้น้อยแล้วจึงรีบมาเช็กยอดเงินทันทีแต่ยังไม่เห็นยอดเงินโอนโดยไม่ทราบว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร แต่มีความหวังกับเงินช่วยเหลือดังกล่าวเพราะตั้งใจจะนำไปจ่ายค่าเช่าบ้านเดือนละ 2,000 บาทที่ยังค้างอยู่ เพราะช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ประกอบกับร้านค้าขายมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทำให้ขายไม่ค่อยได้เหมือนเมื่อก่อน จึงรู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้รับโอนเงินช่วยเหลือจำนวนดังกล่าว เพราะถ้าได้ก็จะแบ่งเบาภาระของครอบครัวได้