ประจวบคีรีขันธ์ - จนท.ชุดพญาเสือ เดินหน้าใช้ ม.44 นำกำลังเข้าตรวจยึดช้างผิดกฎหมายในสวนสัตว์หัวหินทีค อีก 2 เชือก หลังตรวจสอบข้อมูลชัดเจนเป็นช้างที่ถูกนำมาสวมตั๋วรูปพรรณ แต่กลับไม่พบช้างของกลาง เนื่องจากมีการเคลื่อนย้ายช้างทั้ง 2 เชือก ออกนอกพื้นที่ไปวังช้างอยุธยาแล้วเมื่อ 2 วันก่อน ทางชุดพญาเสือจึงเข้าแจ้งความ สภ.หัวหิน หลังของกลางช้าง 2 เชือก หายไป เผยวันพรุ่งนี้จะเข้ายึดช้างอีก 1 เชือก ในพื้นที่ราชบุรี
วันนี้ (13 ธ.ค.) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า หรือชุดพญาเสือ พร้อมด้วย นายเมธา สันติกุล ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี นายสัตวแพทย์ชำนาญการประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ตำรวจ ปทส.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นวันที่ 2 เพื่อตรวจยึดช้างผิดกฎหมายอีก 2เชือก ที่สวนสัตว์หัวหินทีค ซอย 112 หัวนา เพื่อนำไปพักที่ศูนย์เพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทราย จังหวัดเพชรบุรี โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2559 ชุดพญาเสือ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ และอายัดช้าง 2 เชือก ไว้แล้ว
โดยช้างที่อายัดไว้ คือ ช้างพลายเกาะพญาเพ็ชร อายุ 8 ปี จากการเจาะเลือดเพื่อนำตรวจสอบดีเอ็นเอ กับฐานข้อมูลดีเอ็นเอเดิมที่เคยให้ไว้พบว่า ไม่ตรงกัน อีกทั้งตั๋วรูปพรรณเองก็มีการแก้ไขอยู่หลายจุด มีการย้ายตั๋วรูปพรรณ ซึ่งออกที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาไปยังอำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี โดยไม่ได้ทำการตรวจช้าง
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดพญาเสือ กล่าวว่า ปกติเจ้าหน้าที่ปกครองจะต้องทำการตรวจช้าง และตั๋วรูปพรรณ ส่วนอีกเชือก คือ ช้างพลายทีจี อายุ 4 ปี ก็ตรวจดีเอ็นเอเดิม และครั้งล่าสุดไม่ตรงกัน รวมทั้งดีเอ็นเอไม่ตรงกับดีเอ็นเอของช้างพ่อที่ได้อ้างไว้ ซึ่งแม่ของช้างพลายทีจี ก็พบว่า ไม่มีข้อมูลอยู่ในสารบบมีการแก้ไขตั๋วรูปพรรณ โดยช้างทั้ง 2 เชือก เป็นของนายเรียงทองบาท มีพันธ์ บุตรชายนายลายทองเหรียญ มีพันธ์ เจ้าของวังช้างอยุธยา ซึ่งสวนสัตว์หัวหินทีค ได้เช่ามาเพื่อแสดงโชว์ และให้บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งในครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการอายัด และมอบหมายให้สวนสัตว์หัวหินทีคเป็นผู้ดูแล
จากการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจยึด และขนย้ายช้างทั้ง 2 เชือ ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่กลับไม่พบช้างทั้ง 2 เชือก อยู่ในสวนสัตว์หัวหินทีคแต่อย่างใด จึงได้ทำการตรวจสอบกับ นายอัครเดช สุขศิริวงษ์ ผู้จัดการสวนสัตว์หัวหินทีค พบว่า ก่อนหน้านี้เพียง 2 วัน มีการเคลื่อนย้ายช้างทั้ง 2 เชือกออกไปแล้ว โดยได้รับแจ้งจาก นายขาว ซึ่งเป็นผู้จัดการช้างทั้ง 2 เชือก ได้ทำการทำเรื่องขนย้ายสัตว์จากปศุสัตว์ย้ายช้างมาที่วังช้างอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หากมีอะไรขอให้ชุดพญาเสือ มาพบพูดคุยที่วังช้างอยุธยา และสาเหตุที่ต้องเคลื่อนย้ายช้างออกมาจากหัวหิน นั้น เนื่องจากไม่มีควาญดูแล และกลับเป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยว
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดพญาเสือ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบข้อมูลดีเอ็นเอของช้างทั้ง 2 เชือก พบว่า เป็นช้างที่ผิดกฎหมายชัดเจน เนื่องจากมีการตรวจสอบดีเอ็นเอ ซึ่งไม่ตรงกัน และที่สำคัญช้างทั้ง 2 เชือก เป็นช้างที่ถูกอายัดไว้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบความถูกต้อง ซึ่งไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปได้ แต่กลับพบว่ามีการเคลื่อนย้ายไป ถือว่าเป็นการกระทำที่มีพิรุธ ซึ่งก็พบพิรุธตั้งแต่การแก้ตั๋วรูปพรรณ ล่าสุด ได้ชี้แจงให้ทางเจ้าของช้างวังช้างอยุธยาให้นำช้างกลับมาคืน
ดังนั้น ในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ชุดพญาเสือ ต้องเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนที่ สภ.หัวหิน ในข้อหามีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและสงวนสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 19 และ 41 และข้อหาการทำผิด พ.ร.บ.ปลอมแปลงเอกสารให้ราชการเสียหาย รวมทั้งแจ้งความ สภ.หัวหิน ให้ดำเนินคดีต่อผู้จัดการคนเก่าที่เซ็นบันทึกว่าจะดูและช้างทั้ง 2 เชือก แต่ไม่สามารถดูแลช้างไว้ใน ซึ่งก็มีความผิดฐานลักทรัพย์
ส่วนผู้จัดการเองก็จะต้องไปแจ้งความต่อเจ้าของช้างในฐานที่มาขนย้ายช้างออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะสวนสัตว์หัวหินทีค ถือเป็นผู้เช่า ซึ่งมีสิทธิในตัวช้าง ซึ่งเท่ากับว่าของกลางที่เป็นช้างทั้ง 2 เชือกหายไปนั่นเอง และทางเจ้าหน้าที่ชุดพญาเสือ ก็แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.หัวหิน ด้วยว่าของกลางเป็นช้าง 2 เชือกได้หายไปจากสวนสัตว์หัวหินทีค
อย่างไรก็ตาม การจะเคลื่อนย้ายช้างออกไปก็จะต้องมีหนังสือจากเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ด้วย และครั้งนี้ทราบว่า ทางเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ก็เป็นผู้อนุญาต และยังทราบดีว่าช้างทั้ง 2 เชือกนั้นได้ถูกอายัดเอาไว้ และไม่สามารถเคลื่อนย้ายออกไปได้ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (14 ธ.ค.) ทางชุดพญาเสือจะไปดำเนินการยึดช้างในพื้นที่จังหวัดราชบุรี ที่ให้บริการนักท่องเที่ยวอีก 1 เชือก เพื่อจากเป็นลักษณะเดียวกันกับที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์