สุโขทัย - มหาวิทยาลัยนเรศวร จับมือโรงเรียนบ้านเมืองเก่า เปิดอบรมเชิงปฏิบัติการนักประวัติศาสตร์น้อย สร้างนักสืบค้นรุ่นเยาว์ศึกษาภูมิปัญญาท้องถิ่นในอดีตเชื่อมโยงปัจจุบัน เติมเต็มประวัติศาสตร์ชาติ
ผศ.ดร.วศิน ปัญญาวุธตระกูล ผอ.สถานอารยธรรมศึกษาโขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร และนายสุทธิชัย เข็มคง ผอ.โรงเรียนบ้านเมืองเก่า “ศรีอินทราทิตย์” ได้ร่วมกันจัดอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อการพัฒนารูปแบบการเขียนประวัติศาสตร์ท้องถิ่นชาติพันธุ์ในพื้นที่ชุมชนภาคเหนือตอนล่างแบบมีส่วนร่วม ให้แก่นักเรียนชั้น ป.5 ที่หอประชุมโรงเรียนบ้านเมืองเก่า “ศรีอินทราทิตย์” ต.เมืองเก่า อ.เมืองสุโขทัย ช่วงสุดสัปดาห์นี้
ผศ.ดร.วศิน กล่าวว่า ในการศึกษาประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เรามุ่งเน้นการศึกษาประวัติศาสตร์ชาติขนาดใหญ่ ทำให้บางครั้งพอพูดถึงประวัติศาสตร์สุโขทัย ก็จะเป็นเรื่องราวของอดีตที่ไกลถึง 700 ปี แต่จริงๆ แล้วความเป็นมาของสุโขทัยมีการเชื่อมโยงจากอดีตถึงปัจจุบัน เห็นได้จากภูมิปัญญา และวัฒนธรรมต่างๆ ที่หลงเหลืออยู่ ทั้งเครื่องสังคโลก เครื่องปั้นดินเผา วัฒนธรรมการทอผ้า
จากการศึกษาตรงนี้จึงนำไปสู่การใช้ภูมิปัญญา เป็นการเติมเต็มประวัติศาสตร์ ด้วยการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการฯนี้ขึ้นมา โดยมุ่งเน้นให้นักเรียน นักศึกษา ตั้งแต่ระดับประถม มัธยม และมหาวิทยาลัย สามารถจะเป็นผู้สืบค้น เป็นนักประวัติศาสตร์รุ่นเยาว์ได้
กรณีโรงเรียนบ้านเมืองเก่า “ศรีอินทราทิตย์” เป็นกระบวนการฝึกให้นักเรียนเป็นผู้สืบค้น รวบรวม วิเคราะห์เรื่องราวของเครื่องสังคโลก ที่เป็นภูมิปัญญาตั้งแต่อดีต-ปัจจุบัน ว่า มีการเปลี่ยนแปลง พัฒนารูปแบบ กระบวนการเชิงธุรกิจเป็นอย่างไร
“สิ่งที่น่าสนใจคือ การศึกษาประวัติศาสตร์ธุรกิจครอบครัว จะมีส่วนสำคัญทำให้เข้าใจการผลิต ภูมิปัญญา การถ่ายทอด การเรียนรู้ การปรับตัวท่ามกลางวิกฤตการณ์ต่างๆ ถือได้ว่าประวัติศาสตร์ธุรกิจครอบครัวจะเข้าไปเติมเต็ม ให้เห็นสายใย และเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่ใหญ่ขึ้น เป็นประวัติศาสตร์ของครอบครัว ชุมชน และพัฒนาต่อไปสู่ประวัติศาสตร์ชาติ”
ผศ.ดร.วศิน กล่าวอีกว่า การศึกษาครั้งนี้จะนำไปสู่การเติมเต็มรอยต่อทางประวัติศาสตร์ที่หายไปของสุโขทัย ว่า ภูมิปัญญาดั้งเดิมของสุโขทัยที่มีมาตั้งแต่ 700 ปีก่อน เชื่อมโยงถึงปัจจุบันอย่างไร ผ่านภูมิปัญญาเครื่องสังคโลก และการศึกษาค้นคว้าของนักเรียนในครั้งนี้ด้วย
นายสุทธิชัย เข็มคง ผอ.โรงเรียนบ้านเมืองเก่า “ศรีอินทราทิตย์” กล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการนำร่องเพื่อพัฒนาการเก็บข้อมูลเขียนประวัติศาสตร์ชุมชน ทำให้เยาวชนมีความรู้ความเข้าใจในประวัติศาสตร์ถิ่นฐานตนเอง และสามารถเติมเต็มประวัติศาสตร์ชาติได้ในอนาคตต่อไป
