xs
xsm
sm
md
lg

ธปท.ชี้ ศก.ภาคเหนือไตรมาส 3 ชะลอตัว-ลุ้นท่องเที่ยวกระตุ้นไตรมาสสุดท้าย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ธปท.สรุปภาพรวมเศรษฐกิจภาคเหนือไตรมาส 3 ปี 2559 ชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อน หลังการลงทุนภาคเอกชน ภาคการผลิต และการส่งออกหดตัว รวมทั้งภาคการเกษตรมีความเสี่ยงด้านราคา ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังขยายตัวดี ขณะที่ไตรมาสสุดท้ายลุ้นการท่องเที่ยวช่วยหนุน

นายสิงห์ชัย บุณยโยธิน ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักงานภาคเหนือ ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยสรุปสภาพรวมภาวะเศรษฐกิจภาคเหนือในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2559 ว่าเศรษฐกิจและการเงินภาคเหนือในไตรมาสที่ 3 ปี 2559 ชะลอลงจากไตรมาสก่อน โดยภาพรวมอุปสงค์ยังอ่อนแอ ส่วนสำคัญมาจากการลงทุนภาคเอกชนยังหดตัว การบริโภคภาคเอกชนชะลอลง อย่างไรก็ดีการใช้จ่ายภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนขยายตัวได้ดีชดเชยด้านอุปสงค์ได้บางส่วน ด้านการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ลดลง การส่งออกหดตัวมากขึ้นทั้งในส่วนของการส่งออกที่ไม่ใช่ชายแดนและชายแดน ส่วนภาคการท่องเที่ยวอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง

ด้านการผลิตภาคเกษตร ผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้นในช่วงต้นฤดูกาลเก็บเกี่ยว มีส่วนให้รายได้เกษตรปรับดีขึ้นบ้าง แต่ยังมีความเสี่ยงที่ราคาพืชผลเกษตรสำคัญมีแนวโน้มลดลง สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจภาคเหนือโดยทั่วไปยังอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามราคาอาหารสด อัตราการว่างงานแม้อยู่ในระดับต่ำแต่จำนวนผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานมีทิศทางเพิ่มขึ้น ส่วนด้านเงินให้สินเชื่อและเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ชะลอลง

ทั้งนี้ การลงทุนภาคเอกชนลดลงร้อยละ 4.7 ส่วนสำคัญมาจากภาวะซบเซาในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง อย่างไรก็ดี การลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่มเป็นการลงทุนในธุรกิจโรงแรมในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ ด้านการลงทุนในภาคการผลิตยังไม่ฟื้นตัว จากภาวะซบเซาของเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศ โดยมีกำลังการผลิตเหลืออยู่ในหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สอดคล้องกับเครื่องชี้การลงทุนที่สำคัญ ได้แก่ พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาล โดยเฉพาะการก่อสร้างโรงงาน อาคารพาณิชย์และอาคารชุด ยอดขายวัสดุก่อสร้าง ปริมาณจดทะเบียนรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และยอดการนำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์

ส่วนการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวเพียงร้อยละ 2.2 โดยปัจจัยชั่วคราวจากยอดขายในหมวดยานยนต์ที่เพิ่มขึ้นค่อยๆ หมดไป รวมถึงการใช้จ่ายหมวดสินค้าในชีวิตประจำวันยังหดตัวกระจายทั้งภาคเหนือบนและเหนือตอนล่าง

ส่วนการใช้จ่ายหมวดน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง โดยส่วนหนึ่งจากผลด้านราคาที่ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ภาครัฐยังมีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะการใช้จ่ายลงทุนภาครัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 กระจายตัวดีทั้งภาคเหนือตอนบนและตอนล่าง จากการเร่งเบิกจ่ายช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ ทั้งโครงการก่อสร้างและซ่อมแซมถนนของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท การพัฒนาแหล่งน้ำและระบบชลประทานของกรมชลประทาน รวมถึงการก่อสร้างอาคารสถาบันการศึกษา และโรงพยาบาลให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลา

ขณะที่รายได้เกษตรกรหดตัวน้อยลงเป็นร้อยละ 6.7 ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร หดตัวเหลือร้อยละ 7.3 ผลผลิตพืชสำคัญเพิ่มขึ้นจากการเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวทั้งข้าวนาปี หอมแดง และสับปะรด รวมถึงผลผลิตปศุสัตว์ยังคงเพิ่มขึ้นทั้งสุกร ไก่เนื้อ และไข่ไก่ ตามความต้องการบริโภคภายในประเทศและส่งออก ขณะที่ผลผลิตที่ลดลง ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเหลือง ถั่วลิสง มันสำปะหลัง และลำไย

ทั้งนี้ ผลจากน้ำท่วมช่วงเดือนกันยายนในภาคเหนือตอนล่างต่อผลผลิตพืชหลัก เช่น ข้าว ยังอยู่จำกัดบางพื้นที่เท่านั้น ด้านราคาสินค้าเกษตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 โดยเฉพาะราคาข้าวและลำไย ขณะที่ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลังลดลง เนื่องจากมีการนำเข้าข้าวสาลีและกากข้าวโพดมาใช้ทดแทนในการผลิตอาหารสัตว์มากขึ้น และราคาปศุสัตว์ลดลงจากราคาไก่เนื้อเป็นสำคัญ เนื่องจากมีผลผลิตมากกว่าความต้องการของตลาด ทั้งนี้ จากแนวโน้มผลผลิตพืชหลักมีมากขึ้น อาจส่งผลต่อราคาสินค้าเกษตรทั่วไปอาจมีแนวโน้มลดลงในระยะข้างหน้า

ด้านผลผลิตอุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 17.1 ส่วนสำคัญมาจากการผลิตส่งออกชิ้นส่วoอิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะแผงวงจรรวมและตัวเก็บประจุไฟฟ้า รวมถึงการผลิตกลุ่มส่วนประกอบฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ สิ่งทอ เซรามิก อัญมณี และเครื่องประดับ ตามการชะลอตัวของคำสั่งซื้อในตลาดโลก อย่างไรก็ดี พบว่าโรงงานบางรายที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานการผลิตยานยนต์และโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีการลงทุนในเครื่องจักรเพื่อปรับสายการผลิตให้สอดคล้องกับอุปสงค์ของตลาดมากขึ้น ด้านการผลิตสินค้าเกษตรแปรรูปกลับมาขยายตัวในกลุ่มการแปรรูปผักผลไม้ และการสีข้าว ตามวัตถุดิบการเกษตรมากขึ้นในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว

ในส่วนของมูลค่าการส่งออก หดตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0 ทั้งจากมูลค่าการส่งออกสินค้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไปจีนฮ่องกงและสิงคโปร์ตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัวและภาวะการแข่งขันสูง และมูลค่าการส่งออกไปยังชายแดนโดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคและปศุสัตว์ไป สปป.ลาว และจีนตอนใต้หดตัวต่อเนื่อง จากการเข้มงวดมาตรฐานการนำเข้าสินค้าในกลุ่มประเทศดังกล่าว

อย่างไรก็ดี มีเพียงการส่งออกไปสหภาพเมียนมาในกลุ่มเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในการเกษตรและสินค้าอุปโภคบริโภคยังขยายตัวดีช่วยพยุงให้ภาพรวมการส่งออกไม่ลดลงมากนัก ด้านมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.6 จากการนำเข้ากระแสไฟฟ้าจาก สปป.ลาว เป็นสำคัญ ขณะที่การนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางเพื่อผลิตสินค้าอุตสาหกรรมส่งออกยังหดตัว

สำหรับภาคการท่องเที่ยวขยายตัวได้ดีกว่าคาด แม้อยู่นอกฤดูกาลท่องเที่ยว สะท้อนจากแนวโน้มของเครื่องชี้ที่สำคัญๆ ได้แก่ จำนวนผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานภาคเหนือ จำนวนเที่ยวบินตรงและนักท่องเที่ยวต่างชาติผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานเชียงใหม่ อัตราเข้าพักของโรงแรม และปริมาณการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มประเภทโรงแรมและภัตตาคาร ทั้งนี้ องค์ประกอบสำคัญมาจากทั้งนักท่องเที่ยวไทยเดินทางเข้าร่วมประชุมสัมมนาและท่องเที่ยวในจังหวัดสำคัญในช่วงวันหยุดยาว และนักท่องเที่ยวชาวจีนทั้งกลุ่มที่เดินทางอิสระและเดินทางเป็นกลุ่มมีมากกว่าคาดไว้

ขณะที่ภาคการเงิน ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2559 สาขาธนาคารพาณิชย์มียอดคงค้างเงินให้สินเชื่อ 581,824 ล้านบาท ชะลอลงเหลือร้อยละ 1.2 ส่วนสำคัญมาจากการหดตัวในสินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนส่ง และธุรกิจการเงิน อย่างไรก็ดีสินเชื่อธุรกิจโรงแรมและด้านสุขภาพขยายตัวดี สอดคล้องกับภาคธุรกิจท่องเที่ยว

สินเชื่อภาคการก่อสร้างค้าปลีกค้าส่ง อุตสาหกรรมการผลิต สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยยังขยายตัวได้แม้ในอัตราไม่สูงนัก ด้านเงินฝากมียอดคงค้าง 628,307 ล้านบาท เพิ่มขึ้นในอัตราชะลอลงร้อยละ 3.9 ส่วนหนึ่งจากการถอนเงินฝากของส่วนราชการและเงินฝากที่ครบกำหนด ทั้งนี้สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากสูงขึ้นเล็กน้อยเป็นร้อยละ 92.6

นอกจากนี้ ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักงานภาคเหนือ ธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุถึงคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจภาคเหนือในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2559 ว่า แรงส่งที่น่าจะเป็นไปได้มาจากการใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่ลดลงจากปีก่อน และการท่องเที่ยวที่เริ่มเข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยวแล้ว แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแนวโน้มของนกท่องเที่ยวจีนและนักท่องเที่ยวในประเทศด้วย

ส่วนปัจจัยเฝ้าระวังจะเป็นในเรื่องของราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ความเปราะบางของรายได้เกษตรกรและการบริโภค รวมทั้งอุปสงค์ที่อาจจะแผ่วลงชั่วคราว แต่น่าจะฟื้นตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติในภายหลัง

กำลังโหลดความคิดเห็น