อุบลราชธานี - จังหวัดอุบลราชธานี ประชุมเริ่มนโยบายรับจำนำข้าวจากชาวนา แบ่งการรับเป็นสองส่วน คือ ให้สหกรณ์การเกษตรรวบรวมข้าวจากสมาชิก หรือให้ชาวนามาจำนำเองโดยตรง สรุปได้รับการช่วยเหลือตั้งแต่การผลิตถึงขั้นตอนขายตันละกว่า 13,000 บาท
ที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัดอุบลราชธานี นายนรุทธิ์ อุทธา สหกรณ์จังหวัดร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัด ธ.ก.ส. และสหกรณ์การเกษตร 21 แห่งของจังหวัด โดยให้ผู้จัดการสหกรณ์แต่ละแห่งชี้แจงทำความเข้าใจกับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวซึ่งจะมีข้าวมะลิ 105 ออกสู่ตลาดในสัปดาห์หน้าจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2559 คิดเป็นร้อยละ 85 ของการผลิต สามารถนำข้าวเข้าสู่โครงการได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
โดยเกษตรกรที่ต้องการนำข้าวเข้าสู่โครงการรับจำนำกับ ธ.ก.ส.ต้องทำการตากข้าวให้แห้ง และเมล็ดข้าวต้องมีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 20 กรัม หากข้าวมีน้ำหนักน้อยกว่าถือเป็นข้าวเสื่อมคุณภาพไม่สามารถนำเข้าร่วมกับโครงการได้
น.ส.สุวิมล อรอินทร์ ผู้อำนวยการ ธ.ก.ส.จังหวัดอุบลราชธานีกล่าวว่า สำหรับการเข้าร่วมโครงการจำนำครั้งนี้ ทำได้ 2 วิธี คือ สหกรณ์การเกษตรเป็นผู้รับจำนำจากสมาชิกมาให้ ธ.ก.ส. และเกษตรกรนำข้าวมาจำนำกับ ธ.ก.ส.เอง โดยข้าวที่มีคุณภาพตามเกณฑ์มีน้ำหนักข้าวไม่น้อยกว่า 36 กรัม และมีความชื้นไม่เกิน 15% จะได้ตันละ 9,500 บาท หากข้าวมีคุณภาพต่ำลงก็จะได้ราคาลดหลั่นกันลงไป นอกจากได้ราคาจำนำที่สูงขึ้นแล้ว เกษตรกรจะได้ค่าปรับปรุงคุณภาพข้าวและค่าเก็บเกี่ยวอีกไร่ละ 800 บาท และได้ค่าเก็บข้าวในยุ้งฉางอีกตันละ 1,500 บาท แต่ทั้งนี้นำข้าวเข้าโครงการจำนำได้ไม่เกินรายละ 15 ไร่
สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการนำข้าวเข้าร่วมโครงการจะได้ค่าปรับปรุงคุณภาพข้าวและค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 800 บาท รายละไม่เกิน 15 ไร่ และยังมีมาตรการลดดอกเบี้ยให้แก่เกษตรกรที่เป็นหนี้กับสถาบันการเงินต่างๆ อีกร้อยละ 3 หากนับรวมค่าชดเชยตั้งแต่ตอนปลูกจนถึงขั้นตอนขายข้าว ชาวนาจะมีรายได้จากการปลูกข้าวในปีนี้ ไม่น้อยกว่าตันละ 13,000 บาท
