ศูนย์ข่าวศรีราชา - “วีเชฟคลินิก” สาขาพัทยา ตั้งโต๊ะแถลงสื่อ หลังบรรลุข้อตกลงค่าใช้จ่ายกว่า 7 แสนบาท ให้สาวเจ้าของร้านกาแฟย่านพัทยากลาง จ.ชลบุรี ที่เข้าร้องทุกข์ต่อ ตร.เมืองพัทยา เหตุเกิดอาการปากเบี้ยวหลังเข้าทำศัลยกรรม เผยแพทย์ให้การรักษาตามขั้นตอน และไม่เคยปัดความรับผิดชอบ
วันนี้ (1 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี นางวิดารา ปาร์ค อายุ 22 ปี เจ้าของกิจการร้านกาแฟย่านพัทยากลาง จังหวัดชลบุรี ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ว่า หลังเข้าทำศัลยกรรมปากที่ “วีเชฟคลินิก” ย่านพัทยากลาง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี จนเกิดอาการติดเชื้อที่ปาก และเสียโฉม
หลังเกิดเหตุได้เข้าเจรจากับแพทย์ที่ทำการรักษา และคลินิกเพื่อขอให้ชดใช้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำศัลยกรรมแก้รูปปากที่ประเทศเกาหลี แต่ทั้งแพทย์ และคลินิกไม่ยอมเจรจา จนต้องเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 19.30 น.ที่ผ่านมา เภสัชกรปิยะภัณฑ์ โหวิไลลักษณ์ เจ้าของกิจการ “วีเชฟคลินิก” ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ทางคลินิกได้รับทำศัลยกรรมรูปปากให้เป็นกระจับในกรณีของ นางวิดารา จริง โดยได้มอบหมายให้แพทย์ผู้ชำนาญการที่มีใบอนุญาต และใบประกอบอาชีพทางเวชกรรมอย่างถูกต้องเป็นผู้ผ่าตัด ซึ่งทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี
พร้อมกับยืนยันว่า แผลที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากความผิดพลาดจากการผ่าตัดถูกเส้นเลือดใหญ่ หรือปัญหาเลเซอร์ห้ามเลือดแต่อย่างใด แต่เป็นกรณีของแผลติดเชื้อซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้สำหรับการผ่าตัดในทุกระดับ
เมื่อเกิดอาการ แพทย์ได้แนะนำวิธีการปฏิบัติตัวของผู้ป่วย เช่น ลดกินอาหารแสลง กินยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อ และพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอเพื่อติดตามอาการ แต่นางวิดารา กลับไม่มาพบแพทย์ตามนัด 4-5 ครั้ง ทั้งยังไม่ทราบว่าการทำภารกิจประจำวันส่งผลต่อแผลหรือไม่ แต่แพทย์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามคิดตามดูอาการอย่างใกล้ชิดโดยไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายใดๆ
กระทั่งแผลเป็นหนองจนต้องขูดหนองออกตามขั้นตอน ส่งผลให้เนื้อบริเวณปากเกิดแหว่ง และไม่เท่ากัน
หลังเกิดปัญหา นางวิดารา ได้แจ้งว่าจะเรียกร้องค่าเสียหายในการเดินทางไปพบแพทย์ที่ประเทศเกาหลี เพื่อแก้รูปปาก
กรณีนี้ทางคลินิกไม่ขัดข้อง เพียงแต่เมื่อได้รับแจ้งว่าต้องใช้งบประมาณกว่า 7 แสนบาท จึงเจรจาไกล่เกลี่ยขอให้ทางคลินิกทำการรักษาเอง หรือประสานแพทย์ผู้ชำนาญการทั้งใน และต่างประเทศให้ทำการแก้ไข เพราะจะทำให้ค่าใช้จ่ายถูกลง และได้มีการบันทึกข้อมูลเสียงไว้ตลอด แต่ นางวิดารา ไม่เข้าใจจึงเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์
“ปัญหาที่เกิดขึ้นทางคลินิกไม่นิ่งเฉย หรือปฏิเสธความรับผิดชอบใดๆ และได้ปฏิบัติอย่างเป็นธรรม และถูกต้องมาโดยตลอด และเมื่อ นางวิดารา มีความต้องการจะนำค่าใช้จ่ายไปรักษาที่อื่น ทางคลินิกก็ไม่คัดค้าน จึงเข้าเจรจาอีกครั้งเมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา และนางวิดารา ก็ลงนามยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่ให้ข่าวไปก่อนหน้า จึงได้ทำสัญญาส่งมอบเงินสด จำนวน 7.65 แสนบาท ให้แก่ นางวิดารา และทำหนังสือยินยอมพร้อมขออภัยต่อเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว ส่วนกรณีที่เราต้องออกมาแถลงข่าวก็เพราะต้องการให้สังคมรับรู้ข้อเท็จจริง เพราะคลินิกเปิดให้บริการมานานกว่า 1 ปี และทำทุกอย่างด้วยมาตรฐาน”
ดังนั้น การจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวไม่ใช่เป็นการรับผิดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เป็นการแสดงออกถึงเจตนารมณ์ของจรรยาบรรณในวิชาชีพที่มีความรับผิดชอบต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในทุกกรณี เภสัชกรปิยะภัณฑ์ กล่าว