ศูนย์ข่าวศรีราชา - สนธิกำลังปูพรมวันดีเดย์จัดระเบียบท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮายเสร็จสมบูรณ์ 100% ผบ.มทบ.14 พอใจผลการปฏิบัติงานคืนพื้นที่สาธารณะ ด้านสภาเมืองพัทยา รับลูกเตรียมหารือด่วน 3 พ.ย.นี้ พิจารณาโครงการปรับภูมิทัศน์ถาวร
ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. มีนโยบายในการเข้ามาจัดระเบียบพื้นที่สาธารณะบริเวณท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย พัทยาใต้ จ.ชลบุรี เพื่อเป็นการสนองนโยบายของภาครัฐในการทวงคืนพื้นที่สาธารณะ อีกทั้งยังเป็นการจัดเตรียมความพร้อมในการรองรับการจัดกิจกรรมสวนสนามทางเรือนานาชาติ ที่จะจัดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2560 ซึ่งถือเป็นกิจกรรมระดับนานาชาติ ที่มีทัพเรือจากกว่า 40 ประเทศเข้าร่วม จึงได้มีออกประกาศให้ผู้ประกอบการ และเจ้าของเรือนำเที่ยวเคลื่อนเรือออกจากพื้นที่สาธารณะให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2559 โดยผู้ประกอบการเรือได้พยายามหาแนวทางแก้ไขปัญหารับนโยบายดังกล่าวอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุด วันนี้ (1 พ.ย.) ที่กองอำนวยการร่วมการจัดระเบียบท่าเทียบเรือพัทยาใต้ (แหลมบาลีฮาย) จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่จากหลากหลายภาคส่วน ทั้ง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เมืองพัทยา กรมเจ้าท่า สำนักงานที่ดิน สรรพากร พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยกิจการพิเศษรวมกว่า 250 นาย ลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับนโยบายการจัดระเบียบท่าเทียบเรือ โดยนำกำลังเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตลอดแนวถนนเชิงเขาพระตำหนัก รวมทั้งการทำความสะอาดพื้นที่ลานสาธารณะ ขนาดพื้นที่รวมกว่า 18 ไร่ ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยวกว่า 1,200 ลำ ได้ออกจากพื้นที่ไปแล้วอย่างสมบูรณ์ 100% ก่อนที่จะมีการทุบทำลายท่าขึ้นลงเรือท่องเที่ยวเพื่อปิดการใช่อย่างถาวร
ในเวลาต่อมา พล.ต.ยุทธชัย เทียรทอง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 14 เป็นประธานการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เพื่อติดตามความคืบหน้า รวมทั้งรับฟังปัญหาในการปฏิบัติ ก่อนมอบนโยบายให้ทุกภาคส่วนดำเนินการในการปฏิบัติตามนโยบายจัดระเบียบของ คสช.อย่างเคร่งครัด จากนั้นจึงลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบบริเวณโดยรอบ ซึ่งพบว่า มีผลความคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจ
ทั้งนี้ มีการรายงานเบื้องต้นว่า สำหรับแนวทางการปฏิบัติดังกล่าวได้จัดแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ออกเป็น 4 โซนหลัก เพื่อเข้าไปดำเนินการจัดระเบียบอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งพบว่าผลการปฏิบัติส่วนใหญ่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ คือ สามารถเคลื่อนย้าย และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งการเคลื่อนย้ายเรือออกจากจุดจอดได้ทั้งหมด ซึ่งจากนี้คงจะมีการติดตามในเรื่องของอาคารบางส่วนที่ยังไม่ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อย รวมทั้งในส่วนของการทุบท่าขึ้นลง การปิดกั้นพื้นที่ก่อนส่งมอบให้เมืองพัทยา และการทำความสะอาดครั้งใหญ่
ขณะที่ในส่วนของผู้ประกอบการเรือทั้งหมด พบว่า มีการกระจัดกระจายไปเช่าพื้นที่เอกชนเพื่อจอดเรือ ซึ่งจะอยู่ในพื้นที่โซนจอมเทียนเป็นหลัก เนื่องจากท่าขึ้นลงแห่งใหม่จะอยู่บริเวณซอยจอมเทียน 11 และ 14 ซึ่งในอนาคตเมืองพัทยาจะพิจารณาการจัดสร้างท่าขึ้นลงเพิ่มเติมเพื่อลดความแออัด
สำหรับปัญหาผลกระทบด้านการจราจรที่จะเกิดขึ้นในช่วงการขึ้นลงเรือบริเวณท่าแห่งใหม่นั้น ปัจจุบัน ทางสำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ได้มีคำสั่งตาม พ.ร.บ.จราจร เพื่อกำหนดระยะเวลาการขึ้นลงเรืออย่างเป็นรูปธรรมแล้ว ซึ่งจะสามารถดำเนินการได้ในช่วงเวลา 20.00-05.00 น.เท่านั้น
พร้อมการจัดเส้นทางการเคลื่อนย้ายเรือไว้จำนวน 4 เส้นทาง ได้แก่ ถนนจอมเทียนสาย 1 สาย 2 เทพประสิทธิ์ และชัยพฤกษ์ ซึ่งจะมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปคอยอำนวยความสะดวก รวมทั้งบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะกรณีรถลากซึ่งยังถือว่าเข้าข่ายผิดกฎหมาย แต่ในช่วงแรกของการปฏิบัตินั้นก็คงอะลุ่มอล่วยไปก่อนเป็นการชั่วคราว
ขณะที่ปัญหาการจราจรทางน้ำได้มอบหมายให้สำนักงานเจ้าท่า ไปทำการจัดระเบียบการจอดเรือในน้ำ ซึ่งเบื้องต้นกำหนดไว้ 3 จุด ได้แก่ บริเวณท่าเทียบเรือใหม่ และบริเวณด้านข้างของสะพานท่าเทียบเรือเก่า ซึ่งจะสามารถจอดเรือลอยลำได้ประมาณ 200-300 ลำ แต่คงมีการกำหนดแนวเขตที่ชัดเจนเพื่อป้องกันผลกระทบต่อการประกอบกิจกรรมทางน้ำอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางทะเลได้ โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยกำกับดูแล และเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
ด้าน พล.ต.ยุทธชัย เปิดเผยว่า จากผลการดำเนินการถือว่ามีความคืบหน้าเป็นที่พอใจอย่างมากด้วยเป็นไปตามแนวทางที่วางไว้ โดยเฉพาะพื้นที่จุดจอดเรือ ซึ่งผู้ประกอบการได้นำเรือท่องเที่ยวขนย้ายออกไปจนหมดแล้ว จากนี้จะได้ทำการปิดกั้นพื้นที่ และพิจารณารูปแบบการปรับปรุงเพื่อรองรับการใช้ประโยชน์เพื่อสาธารณชนอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าการปฏิบัติตามแผนดังกล่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และจะเกิดประโยชน์ต่อพื้นที่ และบ้านเมืองในอนาคตแน่นอน
กรณีนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่ย่อมเกิดผลกระทบบ้างต่อคนบางกลุ่ม แต่ก็คงต้องยอมเสียสละบ้างเพื่อส่วนรวม อย่างไรก็ตาม สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นทางรัฐเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามจะหาแนวทางแก้ไขเพื่อให้อยู่ร่วมกันได้ โดยจากนี้จะมีการจัดประชุมพบปะกับผู้เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการอีกครั้งเพื่อหาทางออกร่วมกันต่อไป
มีรายงานเพิ่มเติมว่า ในส่วนของสภาเมืองพัทยา จะได้นำกรณีพื้นที่สาธารณะดังกล่าวเข้าไปหารือเป็นการเร่งด่วนภายในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ เพื่อกำหนดทิศทางการในการพิจารณาการจัดทำแผนการปรับภูมิทัศน์บริเวณลานสาธารณะ และพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งแนวคิดแผนในการจัดสร้างท่าเทียบเรือแห่งใหม่ เพื่อรองรับการจัดกิจกรรมสวนสนามทางเรือนานาชาติ ในช่วงปลายปี 2560 นี้อีกด้วย