อุดรธานี - “ฝากไว้ให้เรารักกัน” เป็นอีกบทเพลงที่แสดงออกถึงการแสดงความไว้อาลัยต่อพ่อแห่งแผ่นดิน ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ของพสกนิกรชาวไทย ซึ่ง “อมฤต” หนึ่งในผู้ร่วมแต่งและขับร้องเผยตั้งแต่ตัวเองเกิดมาและจำความได้ก็ได้รู้ว่าอยู่ใต้ร่มพระบารมีของพระองค์ท่าน ได้รับรู้คำสอนของพระองค์ท่านมาตลอด เพลงนี้จึงเกิดจากความรักและภักดีที่มีต่อพระองค์ท่าน
เป็นอีกหนึ่งคนที่ออกมาร่วมแสดงความไว้อาลัยผ่านบทเพลงสำหรับนักดนตรีที่มีความสามารถชาวอุดรธานี นายอมฤต โฉมสุภาพ หรือโจบลูเวฟ ซึ่งได้ร่วมแต่งและขับร้อง เพลง “ฝากไว้ให้เรารักกัน” เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยเผยแพร่เมื่อ 28 ต.ค. 2016 ผ่านยูทูป ที่ https://www.youtube.com/watch?v=m6eL_8WnBAM พร้อมกับที่เจ้าตัวเขียนรายละเอียดว่า
ฝากไว้ให้เรารักกัน - อมฤต โฉมสุภาพ เนื้อร้อง - ทำนอง โดย อมฤต โฉมสุภาพ บันทึกเสียงโดย นิธิวิทย์ ธานินทร์สุรวุฒิ บันทึกภาพโดย ธรรมรัตน์ อภิญญาเลิศวงศ์ ตัดต่อภาพโดย แอ๊ด สตูดิโอ ขอขอบคุณ นายแพทย์ ตรอง มณีวัฒนา เอื้อเฟื้อภาพถ่ายทางอากาศ People radio FM 96.25 MHz อุดรธานี อำนวยการผลิต WWW.PEOPLECINE.COM กลุ่มเพื่อนคนรักหนัง
นายอมฤต โฉมสุภาพ หรือโจบลูเวฟ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75/1 ม.6 บ้านนาเยีย ถ.อุดร-เชียงยืน ต.เชียงยืน อ.เมืองอุดรธานี นักดนตรีกลางคืนชาวอุดรธานี เปิดเผยว่า จากการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทำให้ตนเกิดแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงนี้ โดยเพลงนี้เกิดจากความรักและภักดีต่อ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพราะตั้งแต่ตัวเองเกิดมาและจำความได้ก็ได้รู้ว่าอยู่ใต้ร่มพระบารมีของพระองค์ท่าน ได้รับรู้รับทราบคำสอนของพระองค์ท่านมาตลอด
สำหรับบทเพลงนี้ได้กล่าวถึงเนื้อหาสาระที่องค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชโดยตรง โดยเริ่มจากประโยคแรกที่ชื่อของพระองค์ท่าน “ภูมิพล” ภูมิพลก็แปลว่าพลังของแผ่นดิน ส่วนที่ 2 ของเพลงก็กล่าวถึงทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงที่พระองค์ท่านทรงสอนให้ประชาชนนำมาใช้ในชีวิต สุดท้ายก็เป็นคำสอนที่พระองค์อยากให้คนไทยรักและสามัคคีกัน
สำหรับตนเองก็เป็นนักดนตรีที่เล่นตามร้านอาหารทั่วไปในอุดรธานี มีความรู้ความสามารถไม่มากในด้านดนตรี หลังการสวรรคตก็อยากแต่งเพลงเพื่อแสดงความอาลัยถวายแด่พระองค์ท่าน ซึ่งเพลงนี้ใช้เวลาแต่ง 3-4 วัน และต้องขอบอกว่าตัวเองไม่ได้เก่งอะไร เพียงแต่ว่าพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านอยู่ในหัวของเราตั้งแต่เล็กจนโตจึงสามารถแต่งเพลงนี้สำเร็จ
“ตั้งแต่เล็กจนโตได้รู้ข่าวผ่านทางสื่อต่างๆ ว่าพระองค์ท่านเสด็จฯ ไปทุกที่แม้กระทั่งถิ่นทุรกันดาร ตลอดเวลาพระองค์ท่านไม่เคยหยุดที่จะช่วยเหลือประชาชน ซึ่งภาพเหล่านั้นก็ยังวนเวียนอยู่ในหัวเสมอ พอเห็นข่าวแล้วก็คิดว่าทำไมพระองค์ท่านทรงลำบาก เป็นถึงกษัตริย์ทำไมต้องมาลำบาก แต่ว่าพระองค์ท่านก็ทำเพื่อประชาชนที่ลำบากกว่าพระองค์ท่าน ซึ่งจุดนี้ทำให้ตัวผมเองรู้สึกประทับใจในพระองค์ท่านมาก” นายอมฤตกกล่าว