เชียงราย - โรงเรียน อบจ.เชียงรายสร้างผลสัมฤทธิ์ใหม่ทางการศึกษา ทำคนฮือฮาแห่ศึกษาดูงานจนต้องตั้งโต๊ะเก็บค่าหัวรายละ 150-750 บาท/คน/ครั้ง หลังโละระบบการเรียนการสอนแบบเก่า ทำโรงเรียนเหมือนโรงหนัง ใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ เลิกใช้หนังสือเรียน จัดเด็กเกรดต่ำกว่า 1.5 เข้า “ห้องผู้นำ” ปั้นนักเรียนจนได้รางวัลวิชาการ-นักกีฬาติดทีมชาติตรึม
วันนี้ (29 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้คนในแวดวงการศึกษาทั้งในพื้นที่เชียงราย และจังหวัดอื่นๆ ต่างให้ความสนใจเดินทางไปศึกษาดูงานการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย อย่างต่อเนื่อง จนทางโรงเรียนฯ ต้องตั้งกฎเกณฑ์เก็บค่าดูงานเป็นรายหัว ตั้งแต่ 150-750 บาท/คน/ครั้ง
หลังมีการปรับปรุง สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ภายในโรงเรียน ตั้งแต่รูปแบบอาคาร-ห้องเรียนต่างๆ ที่มีสีสัน และรูปแบบการตกแต่งหลากหลายไม่ซ้ำแบบกันในแต่ละห้อง รวมทั้งก็ไม่มีการใช้หนังสือเรียนเลย ใช้แต่หนังสือนอกเวลา สื่ออิเล็กทรอนิกส์ อินเทอร์เน็ตออนไลน์ ครูสอนภายในห้องเรียน ฯลฯ เท่านั้น
ดร.ศราวุธ สุตะวงค์ ผอ.โรงเรียน อบจ.เชียงราย เปิดเผยว่า เดิมโรงเรียนฯ เปิดทำการเรียนการสอนเหมือนโรงเรียนทั่วไป กระทั่งได้ไปศึกษาดูงานจากหลายแห่งโดยเฉพาะจากโรงเรียนคิงส์สกูล ประเทศนิวซีแลนด์ แล้วพบว่าสิ่งสำคัญที่จะพัฒนาการศึกษาได้ดีคือ การสร้างบรรยากาศที่ดีเพื่อให้มีความสุขในการไปโรงเรียน
โดยเห็นว่า โรงภาพยนตร์ หรือโรงหนัง เป็นสถานที่ที่คนไปนั่งรอกันนานๆ ได้ จึงได้ออกแบบโรงเรียนให้มีสีสัน โดยแต่ละห้องให้ผู้รับผิดชอบออกแบบได้ตามใจด้วยความเหมาะสม เมื่อเด็กๆ มีความสุข และอยากไปเรียน ก็จะมีผลต่อความอยากเรียนรู้ไปด้วย นอกจากนี้ ยังมีเรื่องหนังสือที่มีมากเกินไป เมื่อให้เด็กท่องจำมากๆ ก็จะเกิดความเบื่อและไม่มีความสุขอยากเรียนรู้
ดังนั้น โรงเรียนฯ จึงเลิกการใช้หนังสือในการเรียนการสอนมาตลอดระยะ 5 ปีกว่าที่ผ่านมา แต่หันมาใช้สื่ออื่นๆ อย่างคุ้มค่าโดยเฉพาะการเรียนผ่านออนไลน์จากบุคลากรและสถานที่ต่างๆ โดยเปิดให้เรียนทุกระดับชั้นไม่ใช่เฉพาะชั้นสูงๆ ที่ต้องใช้จ่ายสูงเท่านั้น
ซึ่งปัจจุบันโรงเรียนฯ มีนักเรียนประมาณ 2,600 คน เปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยมีบุคลากรครูประมาณ 150 คน มีนักเรียนที่ติดทีมฟุตบอลอาชีพในไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกถึง 8 คน บางคนมีเงินเดือนจากการเล่นฟุตบอลสูงกว่าครูเสียอีก และมีนักเรียนที่ติดทีมเยาวชนแห่งชาติ และระดับต่างๆ กว่า 49 คน ขณะที่ในทางวิชาการก็มีนักเรียนได้รางวัลจากหลากหลายเวที
นอกจากนี้ ยังมี “ห้องเด็กผู้นำ” ซึ่งใช้กรณีเด็กที่มีเกรดเฉลี่ยต่ำกว่า 1.5 และมีพฤติกรรมที่น่าเป็นห่วง ทางโรงเรียนฯ จะจัดให้เด็กกลุ่มนี้อยู่ในห้องเด็กผู้นำ ให้เขาได้ทำกิจกรรมที่ชอบและถนัด ซึ่งจากการศึกษาแล้วพบว่าร้อยละ 90 ของเด็กประเภทนี้ ชอบงานเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือไอที จึงจัดเป็นห้องไอทีให้เด็กได้ทำกิจกรรม เช่น ถ่ายภาพวิดีโอ ตัดต่อภาพ จัดทำเป็นรายการหรือพรีเซ็นเตชัน ฯลฯ
“จากการจัดการเรียนการสอนของห้องเด็กผู้นำในระยะที่ผ่านมาพบว่าเด็กกลุ่มนี้สามารถทำได้ดีมาก" ดร.ศราวุธกล่าว
ทั้งนี้ โรงเรียนฯ จะรับนักเรียนห้องละไม่ให้เกิน 35 คน รวมทั้งห้องเรียนกีฬาก็รับแค่ 35 คน เป็นเด็กที่มีทักษะฟุตบอลมากที่สุดจำนวน 15 คนต่อห้อง ที่เหลือเป็นกีฬาประเภทอื่นๆ ไป ส่วนอนุบาลจะรับห้องละไม่เกิน 15 คน เพราะจำนวนน้อยจะทำให้เด็กสามารถซึมซับการเรียนรู้ได้ดีกว่าการรับเด็กครั้งละมากๆ ซึ่งพบว่าภายหลังบริหารจัดการการเรียนการสอนในลักษณะนี้ทำให้ประสบความสำเร็จด้วยดี