เชียงราย - กลุ่มชาติพันธุ์เชียงราย สุดซาบซึ้งน้ำพระทัย “ในหลวง ร.๙” ช่วยเหลือทั้งด้านการศึกษา สัญชาติจนได้ชีวิตใหม่ เผยตอนไม่มีบัตร ปชช.ไปไหนลำบาก “พระเจ้าอยู่หัว” พระราชทานเหรียญให้ เหมือนเป็นบัตร ปชช.
วันนี้ (22 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเดินทางไปร่วมพิธีแสดงความอาลัย และแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ของกลุ่มชาติพันธุ์ในเชียงราย ทุกครั้งจะพบว่า ส่วนใหญ่จะนำภาพที่พระองค์ท่านเคยเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมเยียนราษฎรในชุมชน หมู่บ้านตนเองที่อยู่บนพื้นที่สูง บางรายก็จะนำเหรียญที่เคยได้รับพระราชทาน ติดตัวมาด้วยทุกครั้ง เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ
นางอรวรรณ อินจม หรือหมวงฝ่ง แซ่ฟุ้ง อายุ 60 ปี ชาวเขาเผ่าม้ง บ้านปางปูเลย ม.5 ต.ป่าซาง อ.แม่จัน จ.เชียงราย กล่าวว่า ตนได้ชีวิตใหม่ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้นจากพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งยังจำได้ไม่ลืมเลือนว่า เมื่อวันที่ 10 ก.พ.2513
ขณะนั้นตนอายุได้เพียง 13 ปี ในหลวงทรงเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมราษฎรที่บ้านผาหมี อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งตนได้รับเลือกจากศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา จ.เชียงราย ในขณะนั้น ให้ถวายดอกไม้หน้าพระที่นั่ง พระองค์ทรงตรัสถามว่า “อยากเรียนหนังสือไหม?” ตนตอบไปตามประสาเด็กที่ไม่รู้ความว่า “อยากเรียนค่ะ”
นางอรวรรณ กล่าวอีกว่า จากนั้นตนก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้เรียนต่อ เมื่อจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่ศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา จ.เชียงราย แล้วไปเรียนต่อที่โรงเรียนพิบูลประชาสรรค์ กรุงเทพฯ จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 ระดับมัธยมปีที่ 3 ที่โรงเรียนสตรีเอี่ยมละออ และไปจบการศึกษาสูงสุดที่วิทยาลัยครูจันทรเกษม เมื่อจบแล้วจึงมาเป็นครูสอนที่ศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา จ.เชียงราย เมื่อปี 2521 กระทั่งปัจจุบันอายุมากแล้ว ได้หันมายึดอาชีพเป็นคนนวดคลายเส้น
“ตนยังเก็บภาพถ่ายตอนที่ได้มีโอกาสถวายงานครั้งนั้นไว้ และคิดว่าถ้าไม่มีในหลวง ก็คงไม่มีชีวิตในวันนี้ จึงจะทำหน้าที่คนไทยให้ดีที่สุดเพื่อถวายพระองค์ไปตลอดชีวิตนี้”
ด้าน นางไพเราะ เยอเบาะ อายุ 57 ปี ชาวบ้านแสนใจ ม.9 ต.ศรีค้ำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย กล่าวว่า เมื่อตนยังเป็นเด็กหญิงอยู่ ยังไม่มีสัญชาติไทย และใช้ชีวิตอยู่ที่หมู่บ้านห่างไกล ต่อมาเมื่อในหลวงทรงเสด็จพระราชดำเนินไปที่หมู่บ้าน ทำให้ชาวบ้านได้รับการช่วยเหลือจนชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น
“สิ่งที่สำคัญมากที่พวกเราได้รับพระเมตตา คือ ขณะนั้นพวกเรายังไม่ได้รับบัตรประจำตัวประชาชน การจะเดินทางไปไหนก็ถูกตรวจสอบ แต่พระองค์ทรงพระราชทานเหรียญให้คนละ 1 เหรียญ ซึ่งตนใช้คล้องคอมาตั้งแต่นั้นเพราะใช้แทนบัตรได้ ปัจจุบันแม้จะได้รับสัญชาติไทยแล้ว ก็ยังคล้องเหรียญนี้เอาไว้ตลอด”
นางไพเราะ บอกว่า รักและบูชาเหรียญนี้มาโดยตลอด และยังมีความภาคภูมิใจว่า เคยรับจากพระหัตถ์ของพระองค์ท่านโดยตรง ยืนยันว่า จะปฏิบัติตนทำดีเพื่อในหลวง และสั่งสอนลูกหลานให้ทำดีตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่ในหลวง ทรงสอนเอาไว้ เพราะถ้าไม่มีในหลวง เราก็คงจะไม่ได้เป็นคนไทยเหมือนทุกวันนี้