เชียงราย - ชาวเขาหลายชาติพันธุ์ในจังหวัดเชียงรายประกอบพิธีทางศาสนาของแต่ละชนเผ่าเพื่อน้อมเกล้าฯ แสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสู่สวรรคาลัย ชาวเขาบางรายร่ำไห้ด้วยน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้รับสัญชาติไทย
วันนี้ (20 ต.ค.) นายบุญเวทย์ ศรีพวงใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีทางศาสนากลุ่มชาติพันธุ์เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ ศูนย์พัฒนาชาวเขา จ.เชียงราย ตั้งอยู่บ้านป่าเหมี้ยง ม.15 ต.ป่าซาง อ.แม่จัน โดยมีนายธนู ธิแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาชาวเขา จ.เชียงราย นำตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์เผ่าต่างๆ ใน จ.เชียงราย เข้าร่วมในพิธีประมาณ 500 คน โดยในพิธีจัดให้ผู้นำทางศาสนาของแต่ละกลุ่มประกอบพิธีเบื้องพระบรมฉายาลักษณ์ ท่ามกลางพสกนิกรเผ่าต่างๆ ที่ต่างยังคงมีอาการเศร้าโศกเสียใจ โดยหลายคนถือพระบรมฉายาลักษณ์เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินไปบนพื้นที่สูงใน จ.เชียงราย
โดยพิธีเริ่มด้วยชนเผ่าอาข่าที่ประกอบพิธี “แหล่หยื้อแหล่คะ” ซึ่งเป็นพิธีถวายเป็นพระราชกุศล โดยมีการนำใบชาและขิงไปวางไว้เบื้องพระบรมฉายาลักษณ์ และหมอผีนำสวดเป็นสำเนียงอาข่าก่อนที่จะฉีกใบชาลงพื้นเพื่อแสดงถึงการน้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย จากนั้นเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ที่ทยอยเข้าประกอบพิธี ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ลาหู่ ลัวะ ม้ง ฯลฯ ซึ่งแต่ละกลุ่มมีการประกอบพิธีที่แตกต่างกันไป ก่อนที่ทั้งหมดจะร่วมกันยืนเพื่อแสดงความจงรักภักดีและแสดงความอาลัย เป็นอันเสร็จพิธี
ซึ่งพบว่าราษฎรหลายคนร้องไห้และมีความรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ เพราะในอดีตพื้นที่ภูเขาเขต จ.เชียงรายมีความทุรกันดารและมีกลุ่มชาติพันธุ์ตามแนวชายแดนไม่ได้สัญชาติไทยเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีปัญหาเรื่องการสู้รบและยาเสพติด กระทั่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินไป อ.แม่จัน เมื่อปี 2513 ทำให้ราษฎรจำนวนมากได้สัญชาติไทย ได้รับโอกาสทางการศึกษาและอาชีพทางการเกษตรจนมีความเป็นอยู่ดีขึ้นจนถึงปัจจุบัน
นายบุญเวทย์กล่าวว่า พวกเราถือเป็นผู้ที่อยู่ในประเทศไทยจึงถือว่าเป็นคนไทยด้วยกันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ใดๆ ก็ตาม และที่สำคัญต่างได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวง ร.๙ โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ที่ต่างยังคงซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณจึงต้องปฏิบัติตนตามคำสอนของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปลูกฝังให้มีความรักสามัคคีกัน ทำมาหากินด้วยความสุจริต แบ่งปันกัน ฯลฯ ต่อไป
ด้านนายอาทู่ จูเตาะ อายุ 64 ปี กล่าวว่า ตนอาศัยอยู่บ้านแสนใจ ต.แม่สลองใน อ.แม่จัน ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่ที่เป็นป่าเขาเส้นทางคมนาคมไม่สะดวกและชาวบ้านต่างไม่มีอาชีพทำกินเหมือนในปัจจุบัน ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่ และทรงให้การพัฒนาอาชีพด้วยการให้ปลูกกาแฟ ชา ฯลฯ โดยมีพระราชดำรัสแนะนำชาวบ้านถึงวิธีการปลูกพืชต่างๆ ด้วย ทำให้ตนซึ่งขณะนั้นยังเป็นเด็กอยู่และครอบครัวซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น