เชียงราย - อาจารย์เฉลิมชัยเปิดใจเล่าทั้งน้ำตา “ในหลวง รัชกาลที่ ๙” ทรงเป็นแรงบันดาลใจสร้าง “วัดร่องขุ่น” หวังให้เป็นงานศิลปะสมัยใหม่ประจำรัชกาลพระองค์ ย้ำ “ผมจะทำต่อไปจนวันตาย”
อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชื่อดังชาวเชียงรายผู้รังสรรค์ผลงานศิลปะวัดร่องขุ่น ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมืองเชียงราย เปิดใจด้วยน้ำตาคลอเบ้าระหว่างคอยดูแล อำนวยความสะดวกให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย-ต่างประเทศ ที่สวมเสื้อผ้าขาว-ดำ ร่วมแสดงความอาลัยถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ ศาลาธรรมวัดร่องขุ่น เมื่อวันออกพรรษาที่ผ่านมาเป็นจำนวนมาก
อาจารย์เฉลิมชัยกล่าวว่า ตนรักพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หรือในหลวง รัชกาลที่ ๙ มาตั้งแต่เกิด รู้เรื่องที่พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังหลายจังหวัดรวมถึงเชียงราย ทรงช่วยเหลือชาวไทยที่อาศัยอยู่บนพื้นที่สูงและด้านอื่นๆ มากมาย
เมื่อโตขึ้น และได้มีโอกาสไปเรียนด้านการวาดรูป หรือจิตรกรรม จึงได้รู้ว่าในหลวง รัชกาลที่ ๙ ก็ทรงชอบการวาดภาพ และยังมีพระอัจฉริยภาพด้านศิลปะอย่างมากอีกด้วย ซึ่งสิ่งนี้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับตนตั้งแต่ยังเรียนวิทยาลัยเพาะช่าง ว่า “จะขอมีโอกาสถวายงานด้านศิลปะเพื่อพระองค์สักครั้งหนึ่งในชีวิต” ตนจึงได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนด้านศิลปะอย่างแข็งขัน
ต่อมาเมื่อจบมหาวิทยาลัยศิลปากรจึงได้รับทราบจากอาจารย์ของตน ซึ่งเคยเข้าเฝ้าฯ พระองค์ว่า ขณะนั้นยังไม่มีศิลปะประจำรัชกาลที่ ๙ ไม่ว่าจะเป็นด้านจิตรกรรม สถาปัตยกรรม และประติมากรรม ที่มีอยู่ล้วนเป็นศิลปะที่สืบทอดกันมาตั้งแต่อดีตเท่านั้น ยิ่งทำให้ตนพยายามตั้งใจจะสร้างผลงานทางศิลปะเพื่อให้อยู่คู่รัชกาลที่ ๙
อาจารย์เฉลิมชัยกล่าวอีกว่า แรงบันดาลใจดังกล่าวยังทำให้ตนได้เลือกเรียนวิชาศิลปะไทยเพื่อที่จะสร้างงานศิลปะสมัยใหม่ โดยตนได้อุทิศตนด้วยการเดินทางไปวัดพุทธประทีบ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และร่วมกับรุ่นน้องคนหนึ่งวาดรูปศิลปะร่วมสมัยเพื่อถวายพระองค์ โดยใช้เวลาสร้างสรรค์ผลงานเป็นเวลา 4 ปี
เมื่อเดินทางกลับมายังประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชก็มีพระราชนิพนธ์หนังสือพระมหาชนก และได้รวบรวมจิตรกรรมที่เป็นศิลปะประจำรัชกาลที่ ๙ จากศิลปินทั้งหมด 8 คน ตนจึงมีโอกาสได้ถวายงานพระองค์ ด้วยการสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมในตอน “พระมหาชนกออกเรือ แล้วเรือแตก ว่ายน้ำ 7 วัน 7 คืน” ซึ่งตนเห็นว่าเป็นตอนที่ดีที่สุดด้วย
“เป็นความปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณต่อผมอย่างล้นพ้นหาที่สุดไม่ได้อย่างแท้จริง”
ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงรายกล่าวด้วยว่า และการที่ตนได้มีโอกาสถวายงานในหนังสือพระมหาชนกนั้น ทำให้ตนได้ล่วงรู้หลายเรื่อง โดยเฉพาะได้เห็นพระองค์ทรงตรวจงานที่มีอยู่เป็นจำนวนมากอย่างละเอียด เมื่อตนได้ถวายงานแทบเบื้องพระยุคลบาท ก็ได้นำรูปเข้าถวายทีละชิ้นเพื่อให้พระองค์ทรงพระราชวินิจฉัย ซึ่งทำให้ตนได้ทราบว่า พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระอัจฉริยภาพด้านศิลปะอย่างแท้จริง ทรงมีความทุ่มเทและละเอียดอ่อน
“จากนั้นมาผมก็ยอมถวายชีวิตตัวเอง ตั้งใจว่าเมื่อเสร็จจากงานหนังสือพระมหาชนกแล้วก็จะกลับบ้านที่เชียงราย แล้วมาทุ่มเทเพื่อสร้างงานศิลปะสมัยใหม่ประจำรัชกาลของพระองค์ให้มีความยิ่งใหญ่ เพื่อจะได้ตอบแทนในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ จนวัดร่องขุ่นมีผลงานทางศิลปะที่ยิ่งใหญ่ ให้ผู้คนจากทั่วโลกเดินทางมาชมศิลปะในสมัยของพระองค์ และผมก็จะทำต่อไปจนวันตาย” อาจารย์เฉลิมชัยกล่าว