xs
xsm
sm
md
lg

พระจับสุนัขโยนลงแม่น้ำเกิดขึ้นจริง แต่เป็นภาพเก่า ปมขัดแย้งในวัด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ฉะเชิงเทรา - ตำรวจระบุสังคมโซเชียลแชร์ภาพเจ้าอาวาสวัดจับสุนัขโยนลงแม่น้ำ จนตกเป็นข่าวอื้อฉาวผ่านทางสื่อหลายสำนัก มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง แต่เป็นภาพเก่านานข้ามปีแล้ว เผยเป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในวัด ขณะสังคมรอบข้างชี้เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมของผู้ที่ครองสมณเพศ

วันนี้ (12 ต.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. พ.ต.ท.เฉลิมฉัตร นาคเสน รอง ผกก.สภ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวถึงกรณีมีการแชร์ภาพเจ้าอาวาสวัดหัวไทร อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา หิ้วคอสุนัขก่อนนำไปโยนลงแม่น้ำบางปะกงผ่านทางสังคมออนไลน์ จนตกเป็นข่าวดังผ่านทางสื่อด่างๆ นั้น ว่า ขณะนี้ทางพระอธิการกิตติพงษ์ ทัดละมัย อายุ 51 ปี เจ้าอาวาสวัดหัวไทร ได้เดินทางเข้ามารับทราบข้อกล่าวหา “กระทำการอันเป็นการทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันควร” แล้ว แต่ยังให้การปฏิเสธว่าไม่มีเจตนาที่จะกระทำการทารุณกรรมสัตว์

สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ทางพระอธิการกิตติพงษ์ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัด ได้เดินทางเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ต่อทางพนักงานสอบสวน สภ.บางคล้า ให้ดำเนินคดีต่อทาง พระศุภชัย ดีด้วย อายุ 21 ปี พระลูกวัดที่ได้มีการนำภาพของ พระกิตติพงษ์ ขณะกำลังหิ้วสุนัขไปที่บริเวณท่าน้ำหน้าวัดไปโพสต์ลงในโลกโซเชียล ในข้อกล่าวหา “หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา” ก่อนที่จะมี นางจำเนียร ดีด้วย อายุ 53 ปี ผู้เป็นมารดาของ พระศุภชัย เข้ามาแจ้งความดำเนินคดีต่อ พระกิตติพงษ์ ในข้อกล่าวหากระทำการอันเป็นการทารุณกรรมสัตว์ดังกล่าว

ทั้งนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นจนเป็นความขัดแย้งกันภายในวัดหัวไทร ตั้งอยู่เลขที่ 23 ม.1 ต.หัวไทร อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา สถานที่เกิดเหตุ เนื่องจากเป็นปัญหาของชาวบ้านบางส่วนที่ไม่ศรัทธาต่อพระกิตติพงษ์ ซึ่งเป็นพระที่เดินทางมาจากที่อื่นจากวัดใน จ.จันทบุรี ก่อนที่อดีตเจ้าอาวาสรูปเดิมจะมรณภาพไป เมื่อกว่า 2 ปีที่ผ่านมา และยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดหัวไทรแห่งนี้ต่อจากเจ้าอาวาสวัดรูปเดิมอีกด้วย เนื่องจากได้บวชมาเป็นเวลานานถึงเกือบ 30 พรรษา

และหลังจากได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัด พระอธิการกิตติพงษ์ ยังได้ไปนิมนต์ให้พระสงฆ์จากวัดอื่นๆ ที่มีความคุ้นเคยกันให้เข้ามาอยู่ด้วยกันอีก 2-3 รูป ทั้งยังมีความเข้มงวดต่อพระลูกวัดให้ปฏิบัติกิจของสงฆ์ และช่วยงานวัดที่กำลังมีการก่อสร้าง นอกจากนี้ ยังได้เคยให้ทางฝ่ายทหารเข้ามาทำการตรวจปัสสาวะของพระลูกวัดเพื่อหาสารเสพติด จนทำให้พระหนุ่มบวชใหม่เกิดความไม่พึงพอใจต่อการกระทำของทางเจ้าอาวาสวัดรูปนี้ จึงได้นำภาพในขณะที่ พระกิตติพงษ์ กำลังหิ้วสุนัขโยนลงไปในแม่น้ำบางปะกง ตามที่ได้มีการแชร์ภาพกันทางสังคมออนไลน์ดังกล่าว ไปโพสต์ทางทางอินเทอร์เน็ต

โดยทางพระอธิการกิตติพงษ์ นั้นได้ให้การว่า สาเหตุที่ทำเช่นนั้นเนื่องจากต้องการช่วยเหลือสุนัขที่เป็นเห็บ และมีหมัดเกาะอยู่ตามผิวหนังใต้ขนสุนัข ให้หลุดออกไปจากตัวสุนัข

ซึ่งเป็นภาพเก่าที่เกิดขึ้นมานานแล้วตั้งแต่เมื่อเดือน เม.ย.2558 ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า พระอธิการกิตติพงษ์ ได้ใช้ไม้ตีลูกสุนัขจนตายนั้น พระกิตติพงษ์ ได้ให้การต่อทางพนักงานสอบสวนว่า เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 1 ต.ค.59 ได้มีสุนัข จำนวน 3-4 ตัว ที่อยู่ภายในวัดนั้นรุมกัดกันส่งเสียงดังรบกวนผู้ที่เดินทางมาทำบุญอยู่ภายในวัดเป็นเวลานาน

ซึ่งขณะนั้น พระกิตติพงษ์ กำลังกวาดลานวัดอยู่ที่ด้านหน้าศาลา จึงได้ใช้ด้ามไม้ไปตีไล่ให้สุนัขเลิกกัดกัน ด้วยการตีไปที่กลุ่มสุนัขที่กำลังรุมกัดกันอยู่นั้น จำนวน 2-3 ครั้ง ก่อนที่จะเห็นว่ามีลูกสุนัข 1 ตัว นอนตายอยู่ภายในวงล้อมของสุนัขที่กำลังรุมกัดกัน ซึ่งไม่ทราบว่า ลูกสุนัขที่ตายไปแล้วนั้นเกิดจากการถูกตี หรือเกิดจากการถูกสุนัขตัวที่ใหญ่กว่า จำนวน 3-4 ตัวรุมกัด ก่อนที่พระศุภชัย ซึ่งเป็นพระคู่กรณี และเคยถูกจับตรวจปัสสาวะจะนำร่างของลูกสุนัขไปฝังยังที่บริเวณด้านหลังวัดดังกล่าว

จากนั้นจึงได้นำภาพที่ได้จากพระกิมเชีย พระลูกวัดอีกรูปที่ได้เคยถ่ายภาพขณะที่พระอธิการกิตติพงษ์ กำลังจับสุนัขไปโยนลงแม่น้ำ เมื่อช่วงปี 2558 ไปโพสต์ลงทางสื่อสังคมออนไลน์ (เฟซบุ๊ก) ของตนเองก่อนที่ภาพจะถูกส่งต่อแชร์กันไปยังสังคมโซเชียลภายนอก สำหรับคดีนี้ได้ทำการสอบสวนพยานที่อยู่ภายในบริเวณวัด และพยานใกล้เคียงที่เกิดเหตุไปแล้วจำนวนหลายปาก แต่ยังทำสำนวนการสอบสวนไม่แล้วเสร็จ และยังคงต้องเรียกทางพระกิตติพงษ์ เข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง พ.ต.ท.เฉลิมฉัตร กล่าว

จากนั้น เวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางต่อไปยังที่บริเวณวัดหัวไทร เพื่อที่จะเข้าไปสอบถามข้อเท็จจริงยังในที่เกิดเหตุภายในวัดแห่งนี้ ปรากฏว่า ทางเจ้าอาวาสวัดไม่อยู่ โดยทราบจากทางไวยาวัจกรวัด ว่า พระอธิการกิตติพงษ์ ได้เดินทางไปกิจนิมนต์ยังที่วัดอื่น ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวยังได้พบกับ พระศุภชัย ดีด้วย อายุ 21 ปี พระลูกวัด ซึ่งเป็นพระคู่กรณีได้ให้ข้อมูลว่า พฤติการณ์ของเจ้าอาวาสรูปนี้ชอบกลั่นแกล้งลูกสุนัขอยู่เป็นประจำ ด้วยการจับดึงหูลูกสุนัข จนลูกสุนัขต้องพากันวิ่งหลบหนีในขณะที่พระกิตติพงษ์ เข้ามาใกล้

นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายระหว่างพระที่เคยบวช และจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้มาก่อน กับพระที่มาจากที่อื่น และยังมีพฤติการณ์ยุแหย่ระหว่างกันอยู่ตลอดเวลา โดยหากพระรูปใดไม่ยอมเข้าพวกด้วยกับเจ้าอาวาส ก็จะพยายามหาเรื่องดุด่าว่ากล่าวอยู่ตลอดเวลา โดยปัจจุบันที่วัดแห่งนี้มีพระจำพรรษาอยู่ทั้งหมดรวม 9 รูป โดยทางฝ่ายของเจ้าอาวาสนั้นล้วนเป็นพระที่มาจากวัดอื่นรวม 3 รูป และอีกฝ่ายซึ่งเป็นพระที่บวชอยู่ในวัดแห่งนี้ จำนวน 5 รูป และยังมีพระมหาที่บวชอยู่ที่วัดแห่งนี้มานานแล้ว และชราภาพจึงไม่ยุ่งเกี่ยวกับฝ่ายใดอีกจำนวน 1 รูป พระศุภชัย กล่าว

ส่วนด้าน นายประชด พุกสอน อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69/5 ม.1 ต.หัวไทร อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ชาวบ้านที่ประกอบอาชีพขับรถรับจ้างอยู่ที่บริเวณหน้าวัด กล่าวว่า ตนไม่ได้เห็นเหตุการณ์ตอนที่พระตีสุนัข แต่รู้ว่ามีสุนัขตาย จึงได้เข้าไปดูมา ซึ่งความจริงไม่น่าจะตีสุนัขจนถึงตาย แค่สุนัขทะเลาะกันกัดกัน อีกทั้งยังเป็นวันพระใหญ่ด้วย ส่วนกรณีเจ้าอาวาสจับสุนัขโยนลงแม่น้ำนั้นตนก็ไม่ได้เห็นเหตุการณ์ แต่ได้เห็นว่ามีการแชร์ภาพกันทางโทรศัพท์เท่านั้น จึงทำให้เชื่อว่าน่าจะโยนจริง แต่ก็ยังไม่แน่ใจนัก

สำหรับ พระกิตติพงษ์ หรือเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้นั้นเป็นพระที่มาจากที่อื่น เพิ่งเข้ามาอยู่ที่วัดแห่งนี้ได้เพียงประมาณ 3 ปี หรือเพิ่งมาอยู่จำพรรษาผ่านไปได้เพียง 2 พรรษาเท่านั้น แต่พื้นเพเดิมนั้นก็เป็นคนที่นี่ โดยได้ไปบวชอยู่ที่วัดแห่งอื่นก่อนที่จะกลับมาที่นี่ หลังเกิดเรื่องนี้ขึ้นจึงทำให้ชาวบ้านไม่อยากจะเข้ามาทำบุญยังที่วัดแห่งนี้กันแล้ว นายประชด กล่าว



กำลังโหลดความคิดเห็น