กาฬสินธุ์ - ชาวนาในตำบลเหล่าอ้อย อ.ร่องคำ อ่วมหนัก หลังแม่น้ำปาว-แม่น้ำชีหนุนเอ่อเข้าท่วมนาข้าวจมน้ำร่วม 2 สัปดาห์กว่า 443 ไร่ ขณะที่ผู้ว่าฯ กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหาย พร้อมเยียวยาและวางแนวทางแก้ไขปัญหาระยะยาว
วันนี้ (4 ต.ค.) นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนางปนัดดา ภู่เจริญศิลป์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดกาฬสินธุ์ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและเยี่ยมเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบแม่น้ำปาวและแม่น้ำชีหนุนสูง ส่งผลให้ปริมาณน้ำเอ่อเข้าท่วมนาข้าวที่กำลังงอกงามและกำลังตั้งท้องของเกษตรกรในพื้นที่บ้านด้านใต้ ตำบลเหล้าอ้อย อ.ร่องคำ จ.กาฬสินธุ์ โดยมีนายสัมฤทธิ์ กิตติโชติสุขสงค์ นายอำเภอร่องคำ พร้อมด้วยผู้นำท้องถิ่นรายงานสถานการณ์
จากการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำ และได้รับน้ำจากพื้นที่ต่างๆ ทั้งใน อ.กมลาไสย และ อ.ร่องคำ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ติดกับแม่น้ำชี และแม่น้ำปาว ขณะนี้พบว่าต้นข้าวที่กำลังงอกงามและกำลังตั้งท้องออกรวงของเกษตรกรในบ้านด่านใต้ ได้ถูกน้ำเอ่อเข้าท่วมจำนวนกว่า 443 ไร่ มีเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนจำนวนกว่า 59 ราย
สาเหตุมาจากฝนตกหนักในพื้นที่ และปริมาณน้ำในแม่น้ำชีและแม่น้ำปาวหนุนสูงเอ่อเข้าท่วมนาข้าวของเกษตรกรมาตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวลานานกว่า 2 สัปดาห์
ทั้งนี้ คาดว่านาข้าวที่ถูกน้ำท่วมจะเสียหายทั้งหมด โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือ และหาแนวทางมาตรการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในพื้นที่ต่อไป
นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวถือได้ว่าเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ราบลุ่ม และรับน้ำจากพื้นที่ต่างๆ และประกอบกับอยู่ใกล้กับแม่น้ำปาวและแม่น้ำชี ซึ่งขณะนี้ปริมาณน้ำของแม่น้ำทั้งสองสายกำลังหนุนสูง จึงทำให้น้ำเอ่อเข้าท่วมนาข้าวของเกษตรกรมานานกว่า 2 สัปดาห์แล้ว และคาดว่านาข้าวน่าจะเสียหายทั้งหมด
ดังนั้นจึงได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำการสำรวจพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายเพื่อให้การช่วยเหลือ ทั้งกำชับให้ทางอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกันวางแผนในการแก้ไขปัญหาระยะยาว โดยการเพิ่มความสูงของถนนหรือพนังกั้นน้ำ ซึ่งจะต้องให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ต่อไป