เชียงราย - กลุ่มทัวร์จีนขับรถเที่ยวในไทย 43 คันกว่า 100 คน คนขับต้องเข้ารับการอบรมจากขนส่งจังหวัดเชียงรายก่อนเพื่อทำความเข้าใจ แต่ด้วยระยะทางจากด่านเชียงของถึงตัวเมืองเชียงรายกว่า 100 กม.ทำให้ใช้เวลาหลายชั่วโมง อนาคตจัดเจ้าหน้าที่อบรมถึงด่าน
วันนี้ (29 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจจากเมืองปักกิ่ง ประเทศจีน ได้เดินทางออกจาก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยทางรถยนต์ท่องเที่ยวส่วนบุคคลจำนวน 43 คัน มีนักท่องเที่ยวจำนวน 145 คน โดยทั้งหมดมีกำหนดเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยและจะไปต่อยังประเทศมาเลเซีย-สิงคโปร์ ก่อนเดินทางกลับประเทศจีนผ่านทางชายแดนไทย-สปป.ลาว ด้าน จ.หนองคาย ต่อไป
อย่างไรก็ตาม พบว่าจากกรณีที่กระทรวงคมนาคมได้มีประกาศใช้ระเบียบควมคุมการเข้ามาของรถนักท่องเที่ยวจีนอย่างเข้มงวดตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้ทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่ยังเดินทางเข้ามาต้องกระทำตามระเบียบอย่างเข้มงวด
โดยนอกจากจะต้องทำพิธีการที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เชียงของ เพื่อขออนุญาตเข้าเมืองอย่างถูกต้องตามระเบียบปฏิบัติที่มีต่อชาวต่างชาติที่ไม่มีอาณาเขตติ ดต่อกับประเทศไทยโดยต้องใช้วีซ่าและระเบียบอื่นๆ แล้ว คนขับรถทุกคนต้องผ่านการอบรมและทดสอบสมรรถภาพร่างกายโดยสำนักงานขนส่ง จ.เชียงรายด้วย ทำให้ในช่วงดำเนินการดังกล่าวนักท่องเที่ยวและรถยนต์ท่องเที่ยวทั้งหมดได้หยุดพักรอที่ อ.เชียงของตลอดทั้งวันเพื่อรอให้คนขับเดินทางเข้ามาที่สำนักงานขนส่ง จ.เชียงราย ซึ่งตั้งอยู่ในเขต อ.เมือง ห่างจากด่าน ตม.เชียงของประมาณ 110 กิโลเมตร
โดยการอบรมและทดสอบสมรรถภาพครั้งนี้เริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 18.30 น. จนแล้วเสร็จประมาณ 3 ทุ่ม ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องทำงานอย่างหามรุ่งหามค่ำ ก่อนที่คนขับชาวจีนจะสามารถกลับไปขับรถและนำนักท่องเที่ยวเดินทางต่อไป
นายสตวัน มะโนเครื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่ง จ.เชียงราย กล่าวว่า ภายหลังจากได้มีการประกาศใช้ระเบียบดังกล่าวก็ยอมรับว่าอาจมีปัญหาเรื่องการรับรู้ข้อมูลของนักท่องเที่ยวจีนบ้าง รวมทั้งมีปัญหาเรื่องขั้นตอนและเอกสารระหว่างทางเจ้าหน้าที่ขนส่งกับผู้ประกอบการนำเที่ยว กระทั่งปัจจุบันผ่านระยะเวลาการประชาสัมพันธ์ข้อมูลไปได้ระยะหนึ่งก็พบว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับเข้ามาแล้ว โดยกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มที่ 2 แล้วนอกเหนือจากรายย่อยที่เข้ามาด้วยรถยนต์ส่วนตัวจำนวนหนึ่ง
ทั้งนี้ ตามระเบียบนั้นนักท่องเที่ยวที่จะนำรถยนต์เข้ามาขับขี่ในประเทศไทยจะต้องได้รับใบอนุญาตขับขี่ชั่วคราว ทางเจ้าหน้าที่จึงได้จัดการอบรมด้วยภาษาจีนเพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าใจเกี่ยวกับการขับขี่รถในประเทศไทย โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และเนื่องจากส่วนใหญ่จะมีใบขับขี่ต่างประเทศที่นำมาประกอบการขออนุญาตอยู่แล้ วจึงจะมีการทดสอบ 4 ด้าน คือ ตาบอดสี ความเร็วในการตอบสนองของร่างกาย สายตาความกว้าง และสายตาความลึก
“เมื่อผ่านการดำเนินการดังกล่าวก็จะมอบสมาร์ทการ์ดซึ่งเป็นใบอนุญาตชั่วคราวให้ขับขี่รถภายในประเทศไทยได้เป็นเวลา 30 วัน ซึ่งกรณีนี้ใช้กับนักท่องเที่ยวที่มากันเป็นกรุ๊ปทัวร์ แต่ถ้าเข้ามาเป็นรายคันก็จะอนุญาตให้ขับขี่ได้เฉพาะภายใน จ.เชียงรายเท่านั้น”
นายสตวันกล่าว และว่า เนื่องจากในปัจจุบันเริ่มมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาแล้ว ดังนั้นในอนาคตเป็นไปได้สูงมากที่จะมีการจัดเตรียมสถานที่และเจ้าหน้าที่ไปประจำที่ด่านพรมแดน อ.เชียงของ เพื่อรองรับรถยนต์จากนักท่องเที่ยวชาวจีนดังกล่าวเพื่อให้ด่านพรมแดนสามารถให้บริการที่เดียวจบหรือวันสตอปเซอร์วิส ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้ดียิ่งขึ้นเพราะเราไม่ได้กีดกันนักท่องเที่ยวแต่พยายามจะส่งเสริมให้ดีที่สุด
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังจากกระทรวงคมนาคมมีประกาศใช้ระเบียบดังกล่าวพบว่า ตลอดระยะเวลาประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมาแทบไม่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางจากมณฑลยูนนาน ผ่านถนนอาร์สามเอไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ มายัง อ.เชียงของ อีกเลย โดยเริ่มกลับเข้ามาครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมาจำนวน 1 กลุ่ม และในครั้งนี้ดังกล่าว หลังจากก่อนมีการประกาศใช้ระเบียบนี้ในปี 2556 มีจำนวน 21,631 คน มีรถยนต์เข้ามาจำนวน 1,487 คัน ปี 2557 มีจำนวน 27,717 คน รถยนต์จำนวน 4,883 คัน และปี 2558 ที่ผ่านมามีจำนวน 43,555 คน รถยนต์จำนวน 9,248 คัน โดยจะเข้ามามากที่สุดในช่วงเทศกาลตรุษจีนหรือวันหยุดยาว
ทั้งนี้ ระเบียบดังกล่าวมีหลากหลาย เช่น ต้องเป็นรถยนต์นั่งไม่เกิน 9 ที่นั่ง (นับรวมคนขับ) รถยนต์บรรทุก (กระบะ) ที่มีน้ำหนักรถรวมบรรทุกไม่เกิน 3,500 กิโลกรัม กำหนดให้สามารถนำรถเข้ามาได้ครั้งละไม่เกิน 30 วัน และในรอบปีต้องไม่เกิน 60 วัน โดยต้องเป็นการยื่นขออนุญาตผ่านผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวของไทยเท่านั้น และแจ้งขออนุญาตล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วันทำการ ฯลฯ