ศูนย์ข่าวขอนแก่น-กรมวังผู้ใหญ่เปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ"เศรษฐกิจพอเพียง" และเยี่ยมชมการปฏิบัติงานโครงการส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียง ในชุมชนตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชดำริให้ทำโครงการส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงในชุมชน ตั้งแต่ พ.ศ. 2546 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเท่าทันต่อสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยสามารถพึ่งตนเองได้ รวมถึงสามารถใช้ปรัชญาดังกล่าวเป็นแนวทาง ในการประกอบอาชีพของตนได้อย่างยั่งยืน ที่ผ่านมาได้มีการปฐมนิเทศและพาผู้นำชุมชนไปฝึกอบรมดูงานในกรุงเทพมหานคร เพื่อสามารถนำกลับไปตั้งกลุ่มของตนเองในพื้นที่ ปัจจุบันมีสมาชิกกลุ่มเศรษฐกิจพอเพียง จำนวน 66 กลุ่มอยู่ใน 24 จังหวัด
สำนักพระราชวังได้ร่วมกับ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมการปกครอง มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และส่วนราชการระดับ จังหวัดระดับอำเภอ ระดับตำบล จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเศรษฐกิจพอเพียงขึ้น โครงการส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงในชุมชน ได้ดำเนินงานในพื้นที่เป้าหมาย 24 จังหวัด ได้มีการประชุมชี้แจงทำความเข้าใจปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง กับการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข รวมทั้งการจัดทำบัญชีครัวเรือน จัดทำแผนดำเนินงานของกลุ่มสมาชิก และจัดตั้งกองทุนพระราชทานเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินงานมาถึงระยะที่ 4 แล้ว
วันนี้(23/09/59) เวลา 09.00 น. กรมวังผู้ใหญ่ ว่าที่ร้อยตรี กิตติ ขันธมิตร เป็นประธานเปิดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงในชุมชน ณ บ้านนาเสถียร หมู่ที่ 8 ตำบลขามป้อม อำเภอเปือยน้อย จังหวัดขอนแก่นโดยมี นายศิวาโรจน์ มุ่งหมายผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ให้การต้อนรับ ในการนี้กรมวังผู้ใหญ่ได้อันเชิญเมล็ดพันธุ์ผักพระราชทาน มอบแก่สมาชิกกลุ่มเศรษฐกิจพอเพียงบ้านนาเสถียร และบรรยายให้ความรู้
บ้านนาเสถียร เป็นหมู่บ้านขนาดเล็กในอำเภอเปือยน้อย จังหวัดขอนแก่น มีครัวเรือน 54 ครัวเรือน ประชากรทั้งสิ้น 284 คน พื้นที่การเกษตรทั้งหมด 475 ไร่ ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ปลูกข้าว อ้อย และมันสำปะหลัง อาชีพเสริม ได้แก่ การเลี้ยงกบ จิ้งหรีด โค การเพาะเห็ด และการทอเสื่อกก
ชุมชนบ้านนาเสถียร มีการดำเนินชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง เป็นหมู่บ้านปลอดอบายมุข ทุกครัวเรือนจะมีการปลูกพืชผักสวนครัว เพื่อเป็นการลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้จากการรวมกลุ่ม โดยการนำวัสดุที่มีในท้องถิ่นมาสร้างมูลค่า ด้วยการทำน้ำยาล้างจาน สบู่ และแชมพู รวมทั้งมีกิจกรรมการออม เพื่อให้ชาวบ้านมีไว้ใช้จ่ายในยามจำเป็น
