อุบลราชธานี - กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน 63 คนเข้ารับทราบข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทนายอำเภอกุดข้าวปุ้นเรียกรับสินบนจากผู้รับเหมาโครงการตำบลละ 5 ล้าน ระบุไม่หนักใจให้ดำเนินคดีตามกฎหมายเพราะถือเป็นการรักษาประโยชน์ให้ประเทศชาติและชาวบ้าน ขณะนายอำเภอเผยว่าให้โอกาสไปถอนชื่อร้องเรียนที่ไม่เป็นความจริงแต่ยังไม่ยอม พร้อมเอาเรื่องไปให้สื่อท้องถิ่นลงข่าวโจมตี
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (20 ก.ย.) นายวิชา แก่นการ อายุ 49 ปี ผู้ใหญ่บ้านข้าวปุ้น หมู่ 1 ต.กุดข้าวปุ้น อ.กุดข้าวปุ้น จ.อุบลราชธานี พร้อมด้วยกำนันและผู้ใหญ่บ้านจำนวน 63 คน ซึ่งร่วมกันลงชื่อร้องเรียนนายชัยแสง พัฒนศักดิ์ภิญโญ นายอำเภอกุดข้าวปุ้นต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัด เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2559 ว่า ใช้ตำแหน่งโดยมิชอบไปหักค่าหัวคิวจากผู้รับเหมาโครงการละ 15-20 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะโครงการตำบลละ 5 ล้านบาท
ทำให้นายชัยแสงได้รับความเสียหาย จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อกลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้านที่ร่วมลงชื่อร้องเรียนที่สถานีตำรวจอำเภอเมืองอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 พ.ค. วันนี้ พ.ต.อ.สหรัฐ ประสงค์นิจกิจ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี และพนักงานสอบสวนได้เรียกตัวผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 63 คนมารับทราบข้อหาและสอบสวนปากคำเพื่อส่งฟ้องต่อศาล
โดยมีการตั้งทีมพนักงานสอบสวนจำนวน 8 นาย มี พ.ต.ท.ปราโมทย์ ชื่นตา รอง ผกก.สส.เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ทำหน้าที่สอบปากคำพิมพ์ประวัติผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดให้เสร็จภายในวันเดียว และคาดจะสามารถสรุปสำนวนส่งคำฟ้องต่อพนักงานอัยการจังหวัดได้ภายใน 30 วัน
นายวิชา แกนนำกำนันผู้ใหญ่บ้านกล่าวถึงการถูกดำเนินคดีครั้งนี้ว่า ไม่รู้สึกหนักใจ เพราะตนทำเป็นหนังสือกล่าวหาว่าน่าจะเกิดการทุจริต เพราะถือว่านายอำเภอเป็นบุคคลสาธารณะ แต่เมื่อถูกแจ้งความก็จะต่อสู้ไปตามกระบวนการกฎหมาย เพราะถือว่ารักษาประโยชน์ให้ชาวบ้านและประเทศชาติแล้ว
ขณะที่นายชัยแสง นายอำเภอกุดข้าวปุ้นกล่าวถึงข้อเท็จจริงเรื่องนี้ว่า ตนเพิ่งมารับตำแหน่งนายอำเภอกุดข้าวปุ้นเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน 2558 และมาดำเนินโครงการมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล หรือโครงการตำบลละ 5 ล้านบาท ตามระเบียบที่ราชการกำหนดไว้ แต่ทำให้กลุ่มผู้รับเหมาในพื้นที่เสียประโยชน์จึงยุยงให้ร้องเรียนตน โดยมีนายวิชาเป็นแกนนำเคลื่อนไหว
พร้อมทราบว่าในจำนวนกำนันผู้ใหญ่บ้านทั้ง 5 ตำบลที่ลงชื่อร้องเรียนมีบางส่วนถูกแอบอ้างเอารายชื่อจากการเข้ารับอบรมโครงการเกี่ยวกับการเกษตรไปโดยไม่ทราบความจริง จึงเรียกกำนันทั้ง 5 ตำบลมาพูดคุย พร้อมแจ้งว่าหากใครที่ไม่ทราบเรื่อง ไม่มีเจตนาร้องเรียนตนให้ไปแจ้งถอนรายชื่อตามที่ปรากฏในหนังสือร้องเรียนตนก็จะไม่เอาเรื่อง
ซึ่งกำนันผู้ใหญ่บ้านทั้ง 4 ตำบลก็ได้ไปถอนรายชื่อการร้องเรียนออก แต่ยังคงมีตำบลกุดข้าวปุ้นเพียงตำบลเดียวที่ไม่ยอมถอนรายชื่อออก ตนจึงใช้สิทธิตามกฎหมายเข้าแจ้งความดำเนินคดีฐานร่วมกันหมิ่นประมาทตนในครั้งนี้
สำหรับโครงการมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล หรือโครงการตำบลละ 5 ล้านบาท อำเภอกุดข้าวปุ้นมีทั้งสิ้น 93 โครงการ ใช้งบประมาณดำเนินการ 25 ล้านบาท ซึ่งทุกโครงการได้เสร็จสิ้นมีการเบิกจ่ายเงินออกไปหมดแล้ว ไม่มีโครงการใดที่ได้รับผลกระทบตามที่มีการร้องเรียน
นอกจากนี้ ตนยังมีเกียรติประวัติเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นนายอำเภอดอนมดแดง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาดูการทำโครงการมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล หรือโครงการตำบลละ 5 ล้านเมื่อครั้งมาตรวจราชการเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมาด้วย
ส่วนเรื่องคดีก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เพราะตนได้ให้โอกาสกับกลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้านกลุ่มนี้แล้ว แต่กลับยังไปให้ร้ายตนกับสื่อมวลชนท้องถิ่นให้ลงข่าวโจมตีตนอีก จึงขอใช้สิทธิตามกฎหมายดังกล่าว