xs
xsm
sm
md
lg

ตั้ง 3 ปมปูพรมล่าฆาตกรฆ่า 2 สาวลาวหมกป่ากาฬสินธุ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กาฬสินธุ์ - ตำรวจชุดสืบสวนยังคงเร่งไล่ล่าฆาตกรฆ่าโหด 2 สาวหมกป่าที่ตำบลกุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ ระบุเป็น 2 สาวชาวลาว มุ่งปมชู้สาว ขัดแย้งธุรกิจมืด และพัวพันยาเสพติด คาดถูกฆ่าก่อนนำมาทิ้งในป่า ขณะที่ญาติข้ามฝั่งเข้าให้การต่อตำรวจแล้ว

ความคืบหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพ 2 สาว ถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม โดยนำศพมาทิ้งไว้ภายในป่าละเมาะระหว่างหมู่บ้านกุดหว้า-หนองห้าง ในเขตตำบลหนองห้าง อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเมื่อวานนี้ แพทย์ชันสูตรไม่สามารถระบุได้ว่า สาเหตุการเสียชีวิตมาจากอะไร จึงต้องนำศพผ่าพิสูจน์ยังสถานบันนิติเวชโรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น แต่ในที่เกิดเหตุพบซิมโทรศัพท์ และโทรศัพท์ พร้อมธนบัตรเงินสกุลลาว

ล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (2 ก.ย.) พล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูล ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ สั่งการให้ พ.ต.อ.ทินณะรัตน์ เพ็ชรพันธ์ศรี รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.ประสิทธิ์ จำปาทุม ผกก.สภ.กุฉินารายณ์ พ.ต.ท.ศักดินันท์ มูลมณี รอง ผกก.สส.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.ท.อุทัย เพ็งธรรม รอง ผกก.สส.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.ท.ชัชชัย ไหมวันทา สว.สส.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.ท.ประชาชาติ ใจคง สว.สส.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ร.ต.อ.ณัฐพงษ์ บึงบัว รอง สว.สส.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.กุฉินารายณ์ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเฉพาะกิจ ภ.จว.กาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่วิทยาการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ ได้ประชุม และวางแนวทางการสืบสวน พร้อมเข้าตรวจสอบ และเก็บหลักฐานเพิ่มเติมในสถานที่เกิดเหตุบริเวณป่าละเมาะระหว่างหมู่บ้านกุดหว้า-หนองห้าง ในเขต ต.หนองห้าง อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์

โดยจากการตรวจสอบอย่างละเอียดเจ้าหน้าที่พบรอยล้อรถเป็นทางยาวตั้งแต่ถนนระหว่างหมู่บ้านกุดหว้า-หนองห้าง เข้าไปในป่าจนถึงจุดที่พบศพ คาดว่าน่าจะเป็นรถของคนร้าย นอกจากนี้ ยังพบรอยลากศพเข้าไปในป่าอีกด้วย เบื้องต้น สันนิษฐานว่า ผู้ตายทั้ง 2 คนน่าจะถูกฆ่าตายจากที่อื่นแล้วนำศพมาทั้งไว้ในป่าดังกล่าว ซึ่งคาดว่าคนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 2-3 คน และน่าจะรู้จักกับคนตายและรู้จักพื้นที่เป็นอย่างดี เพราะจุดที่ทิ้งศพเป็นบริเวณปลอดคน

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่พบหลักฐานสำคัญโดยเฉพาะหลักฐานในที่เกิดเหตุโทรศัพท์และซิมการ์ดโทรศัพท์ ซึ่งสามารถติดต่อกลับไปยังประเทศลาว ปรากฏว่า มีผู้อ้างตัวว่าเป็นญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน และจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นศพของญาติตัวเองหรือไม่ในบ่ายวันนี้

พ.ต.อ.ทินณะรัตน์ เพ็ชรพันธ์ศรี รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบรอยล้อรถ และรอยลากศพเข้าไปทิ้ง และที่สำคัญพบโทรศัพท์มือถือ และซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือในที่เกิดเหตุ โดยล่าสุด เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อญาติผู้ตายทั้ง 2 คนได้แล้ว ซึ่งเป็นชาวแขวงไซยะบุรี สปป.ลาว เบื้องต้น ทราบเพียงชื่อเล่นว่า นางกองคำ อายุ 40 ปี และนางอี๊ด อายุ 26 ปี ซึ่งทั้ง 2 คน เป็นชาว สปป.ลาว แต่ยังรอการยืนยันพิสูจน์ตัวบุคคล และรอการยืนยันจากญาติ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเดินทางมาให้ปากคำต่อตำรวจ

ส่วนแนวทางการสืบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งไว้ 3 ประเด็น คือ เรื่องชู้สาว การหักหลังธุรกิจผิดกฎหมาย และพัวพันกับยาเสพติด ทั้งนี้ จากเท่าที่สอบถามจากบุคคลที่อยู่ประเทศลาวที่อ้างตัวว่าเป็นญาติแจ้งว่า บุคคลทั้งสองได้เข้ามาในประเทศไทยได้ประมาณ 8-9 วันแล้ว จากนั้นก็ขาดการติดต่อ และก็ไม่ได้บอกว่าจะเข้ามาด้วยสาเหตุอะไร อย่างไรก็ตาม หากญาติเข้ามาจริงตำรวจก็จะได้แจ้งไปทางกงสุลลาว เข้ามาร่วมตรวจสอบ และยืนยันศพต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูล ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ตั้งชุดสืบสวนเฉพาะกิจเข้าคลี่คลายคดีนี้ ประกอบด้วย ชุดสืบสวน สภ.กุฉินารายณ์ ชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ และเชื่อว่าภายหลังจากการตรวจสอบโทรศัพท์จะสามารถเชื่อมโยงไปยังกลุ่มคนร้ายได้ แต่คงต้องใช้เวลา โดยเฉพาะการผ่าพิสูจน์ศพว่าสาเหตุการเสียชีวิตมาจากอะไร และเชื่อว่าปมที่ตั้งเอาไว้อาจจะเป็นคนในพื้นที่ หรือนอกพื้นที่ที่ลวงหญิงสาว 2 คน มาฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น.วันเดียวกันนี้ ที่ห้องประชุม สภ.กุฉินารายณ์ นายบัวไล แสนศักดา อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นพี่ชายของ น.ส.จันทร์สมร หรืออีส อายุ 26 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต และนายเชย พี่ชายของ นางกองคำ อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิตอีกคน พร้อมญาติพี่น้อง ซึ่งทั้งหมดเป็นชาวเมืองไซยะบุรี แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว เดินทางเข้ายืนยันว่าทั้ง 2 คน เป็นญาติ และให้ปากคำต่อ พ.ต.อ.ประสิทธิ์ จำปาทุม ผกก.สภ.กุฉินารายณ์ ชุดสืบสวน ภ.จว.กาฬสินธุ์ ชุดสืบสวน สภ.กุฉินารายณ์ และเจ้าหน้าที่ทหาร

โดยนายบัวไล แสนศักดา อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นพี่ชายของ น.ส.จันทร์สมร หรืออี๊ด อายุ 26 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต กล่าวว่า น.ส.จันทร์สมร ได้ออกมาจากบ้านมาตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยบอกว่าจะข้ามฝั่งเข้ามาเที่ยวตลาดเทศบาล 1 ที่ จ.มุกดาหาร ซึ่งขี่รถ จยย.มาจอดไว้ที่ด่าน และขออาศัยขึ้นรถตู้ของชาวบ้านที่มาส่งคนป่วยพร้อมกับ นางกองคำ เพื่อมาเที่ยวตลาด จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งญาติต่างออกตามหาแต่ก็ไม่พบ กระทั่งมาทราบข่าวว่า ถูกฆ่าตายแล้วนำศพมาทิ้งไว้ในป่าใน จ.กาฬสินธุ์

ทั้งนี้ ปกติ น.ส.จันทร์สมร จะสวมใส่สร้อยคอทองคำไว้ที่คอ 1 เส้น และแหวนทอง 1 วง แต่จากการตรวจสอบสภาพศพพบเพียงแหวนทอง ส่วนสร้อยคอหายไป อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวแจ้งว่า ผลการชันสูตรศพของ นางกองคำ และ น.ส.จันทร์สมร เบื้องต้นมีร่องรอยถูกอาวุธปืนยิงที่ศีรษะคนละ 1 นัด และมีกระสุนฝังที่ศีรษะของนางกองคำ อีกด้วย

ด้าน พ.ต.อ.ประสิทธิ์ จำปาทุม ผกก.สภ.กุฉินารายณ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับการยืนยันจากญาติแล้วว่าทั้ง 2 ศพ คือ นางกองคำ และ น.ส.จันทร์สมร ซึ่งเป็นชาวเมืองไซยะบุรี แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ส่วนแนวทางการสืบสวนขณะนี้นอกจากจะพุ่งเป้าจากประเด็นชู้สาว ขัดแย้งธุรกิจมืด ยาเสพติดแล้ว ยังเพิ่มประเด็นการฆ่าชิงทรัพย์ด้วย เนื่องจากญาติผู้ตายยืนยันว่า ทรัพย์สินซึ่งเป็นสร้อยคอทองคำ ของ น.ส.จันทร์สมร หายไป

ส่วนผลการชันสูตรของแพทย์นั้นพบว่า นางกองคำ และ น.ส.จันทร์สมร มีรอยกระสุนปืนขนาด .38 ถูกยังที่บริเวณศีรษะคนละ 1 นัด และของนางกองคำ ยังพบหัวกระสุนอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ชุดสืบสวนทั้งหมด 3 ทีม กำลังเร่งไล่ล่าตัวคนร้าย คาดว่าน่าจะทราบตัวกลุ่มคนร้ายในเร็วๆ นี้





กำลังโหลดความคิดเห็น