ปัญหาอย่างหนึ่งที่หลีกหนีไม่พ้นของเกษตรกรรายย่อยก็คือ ต้นทุนที่ใช้ในการทำสวนทำไร่ในแต่ละครั้งที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนแรงงาน ต้นทุนวัตถุดิบ เชื้อเพลิง อุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่จะทำให้ผลผลิตออกมาดีมีคุณภาพ โดยเฉพาะตัวช่วยสำคัญที่จะเป็นตัวตัดสินว่าผลผลิตว่าปีนี้จะมีกำไรหรือขาดทุนนั่นก็คือ “ปุ๋ย” นั่นเอง
ลุงบันเทิง สงวนนาม ชาวไร่สวนผสมวัย 50 ปี จ.พิจิตร ก็ต้องเจอปัญหาเรื่องราคาปุ๋ยแพงแทบทุกฤดูกาลเพาะปลูก ถ้าอยากจะให้ผลผลิตดีก็ต้องใส่ปุ๋ยบำรุงให้มากๆ ตามความเชื่อของการทำไร่ทำนาในแบบเดิมๆ ที่เคยทำมาหลายสิบปี
ไร่นาสวนผสมของลุงบันเทิงนั้น มีการปลูกทั้งมะนาว ข้าว แตงโม และเลี้ยงปลาทับทิมในบ่อผสมผสานกันไป นอกจากจะเจอปัญหาในเรื่องราคาปุ๋ยที่แพงขึ้นทุกๆ ปีแล้ว ก็ยังมีปัญหาอื่นอีกอย่างเช่น ศัตรูพืช และเชื้อราคุกคาม ส่งผลให้ผลผลิตขายไม่ได้ราคา พ่อค้าคนกลางก็กดราคารับซื้อ ทำให้ขาดทุนบ่อยๆ กับการทำเกษตร พอเจอปัญหาจะปรึกษาใครก็ไม่ได้ เพราะเพื่อนบ้านชาวสวนชาวไร่ก็เจอปัญหาในแบบเดียวกัน ก็ได้แต่พูดคุยปรับทุกข์ ตัดพ้อเรื่องดินฟ้าอากาศตามเรื่องตามราวกันไป
จุดพลิกผันของลุงบันเทิงนั้น เกิดขึ้นเมื่อทีมเน็ตอาสาของดีแทค ที่ได้ลงพื้นที่สอนชาวบ้าน และเกษตรกรในตำบลบึงบัว จ.พิจิตร ให้รู้จักการใช้อินเทอร์เน็ต และใช้งานค้นหาข้อมูลเพื่อนำความรู้ที่ได้มาปรับใช้กับการทำเกษตรกรรม โดยปัญหาของชาวบ้านในตำบลบึงบัวนี้ คือ ขาดความรู้ และทักษะเชิงดิจิตอลมาเสริม ทั้งๆ ที่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเข้าถึง เคยได้ยินแค่คำว่า “ดิจิตอล” แต่ไม่รู้ว่าจะมาเกี่ยวข้องกับชีวิตพวกเขาได้อย่างไร
แรกๆ ลุงบันเทิงก็ไม่ได้เห็นความสำคัญของอินเทอร์เน็ตสักเท่าไหร่ คิดว่าพวกสมาร์ทโฟนก็คงมีเพื่อพกไว้โก้ๆ อวดฐานะ กับใช้โทรเข้า-โทรออกก็แค่นั้น แต่หลังจากที่ทีมเน็ตอาสาของดีแทคมาสอนการใช้งานอยู่หลายครั้ง อธิบายถึงประโยชน์ต่างๆ สอนชาวบ้านด้วยความมุ่งมั่นเต็มใจ ลุงบันเทิง จึงค่อยๆ เปิดใจลองดู พอเริ่มใช้งานเป็นแล้วก็พบว่า การใช้อินเทอร์เน็ตผ่านมือถือก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด แค่พร้อมจะเปิดรับ และเรียนรู้สิ่งใหม่ อินเทอร์เน็ตก็ไม่ใช่เรื่องเทคโนโลยีที่เข้าใจยาก และใช้งานยากสำหรับคุณลุงอีกต่อไป
หลังจากนั้น คุณลุงก็ใช้อินเทอร์เน็ตแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรจากคำแนะนำของน้องๆ เน็ตอาสา ค้นหาความรู้ต่างๆ นำมาปรับทดลองใช้กับไร่สวนของตนเอง โดยเฉพาะเรื่องของการพึ่งพาปุ๋ยเคมีเป็นส่วนใหญ่นั้น ก็หันมาพัฒนาเรื่องดิน และปรับสัดส่วนปุ๋ยให้เหมาะสมกับพันธุ์พืชที่ปลูก ทำให้ จากเดิมที่เคยต้องใช้เงินลงทุนซื้อปุ๋ยเฉลี่ยอยู่ที่ 1,500 บาทต่อไร่ต่อครั้ง ปัจจุบัน คุณลุงพัฒนาสูตรปุ๋ยผสมเอง ซึ่งสามารถลดต้นทุนลงมาครึ่งหนึ่ง เหลือไร่ละประมาณ 700-800 บาท
พอแก้ปัญหาเรื่องปุ๋ยได้แล้ว ก็มาถึงเรื่องของการแก้ไขการถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง ก่อนจะขายผลผลิตทุกครั้ง คุณลุงจะเข้าไปเช็กราคาผลผลิตในตลาดต่างๆ ว่า โดยเฉลี่ยแล้วเขาขายกันที่ราคาเท่าไร ป้องกันการถูกเอารัดเอาเปรียบ รวมทั้งหาข้อมูลเคล็ดลับการเพาะกล้ามะนาว ข้อมูลแก้ปัญหาเชื้อราในมะนาว และการอนุบาลลูกปลาทับทิม ฯลฯ เพื่อพัฒนาคุณภาพของผลผลิต ทั้งหมดนี้คุณลุงก็ใช้อินเทอร์เน็ตในการเข้าถึงข้อมูลเช่นกัน ซึ่งสามารถพัฒนาการทำเกษตรกรรม และเลี้ยงปลาของคุณลุงได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ เขายังนำความรู้นี้ถ่ายทอดให้แก่คนอื่นๆ ในชุมชน โดยมีการแลกเปลี่ยนข้อมูล และสื่อสารกันภายในกลุ่มเกษตรกร มีการบอกต่อชาวบ้าน และเกษตรกรคนอื่นๆ ให้รู้จักการใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตในการใช้หาคำตอบในการทำไร่ทำสวน เพิ่มรายได้ และต่อยอดการทำธุรกิจ
ตอนนี้ลุงบันเทิงได้มีการเพิ่มช่องทางการขายด้วยการโพสต์ขายสินค้าทางการเกษตร และขายปลาทับทิมเผาที่เหลือจากการขายส่งผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยจะจัดส่งดีลิเวอรี่เป็นชุดๆ ถึงบ้านลูกค้าที่เป็นคนในชุมชนใกล้เคียง ถือเป็นการสร้างรายได้เพิ่มให้กับครอบครัว ผ่านการรู้จักใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ต และการปรับตัวเข้าสู่เศรษฐกิจยุคดิจิตอลได้เป็นอย่างดี
คุณลุงเป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้เทคโนโลยีดิจิตอลเข้ามายกระดับชีวิต ไม่เพียงแต่ชาวไร่ชาวสวนเท่านั้น ทุกอาชีพ ทุกคนในสังคม เมื่อเรียนรู้วิธีในการเข้าถึงข้อมูลในโลกอินเทอร์เน็ตอย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพแล้ว จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต และสังคมโดยรวมให้ก้าวหน้าได้อย่างยั่งยืน
(พื้นที่ประชาสัมพันธ์)