ตราด - อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง เอาผิด จนท.เรือทัวร์นำเที่ยว ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 หลังเป็นตัวการนำหอยมือเสือขึ้นจากใต้ทะเลให้ นทท.ถ่ายรูป เผยโทษปรับเพียง 500 บาท ด้านรองผู้ว่าฯ ตราด ชี้ต้องจัดการขั้นเด็ดขาดเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก
วันนี้ (25 ส.ค.) นายวีระ ขุนไชยรักษ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง ได้สั่งการให้ นายวุฒิพงษ์ อุ้ยอลงกรณ์ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง เรียกผู้กระทำผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มาดำเนินคดีตามกฎหมาย หลังมีการเผยแพร่ภาพนักท่องเที่ยวชาวจีนนำภาพถ่ายหอยมือเสือ และหอยแม่น มาอวดกันหลังเดินทางไปดำน้ำดูปะการัง ที่หมู่เกาะรัง อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักทั้งในโลกสังคมออนไลน์ และประชาชนทั่วไปที่ได้รับทราบข่าวสาร
ผู้กระทำผิดคือ นายคมสัน เจริญศลป์ อายุ 30 ปี ชาวจังหวัดตราด ซึ่งเป็นผู้นำนักท่องเที่ยวเดินทางโดยเรือเพิ่มพูนทรัพย์ เพื่อไปดำน้ำดูปะการังที่หมู่เกาะรัง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีความผิดตามมาตรา 16(3) พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 เรื่องการนำสัตวน้ำออกไปหรือกระทำการใดๆ ที่เป็นอันตรายต่อสัตว์ มีโทษปรับ 500 บาท
นายวุฒิพงษ์ อุ้ยอลงกรณ์ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง กล่าวว่า จากการสอบสวน นายคมสัน ทราบว่า ได้นำนักท่องเที่ยวชาวไทยว่า 20 คน เดินทางไปดำน้ำดูประการังที่พื้นที่เกาะยักษ์ ซึ่งอยู่ในเขตหมู่เกาะรัง ตำบลเกาะหมาก อำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด และตนยังได้ดำน้ำลงไปเพื่อนำหอยมือเสือ และหอยเม่นมาให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
อย่างไรก็ตาม อุทยานฯ จะดำเนินการควบคุมไม่ให้เกิดปัญหานี้ขึ้นอีก เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของนายอำเภอเกาะช้าง และรองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ที่มีความเป็นห่วงในเรื่องดังกล่าว
ขณะที่ นายกำธร เวหน นายอำเภอเกาะช้าง กล่าวว่า จากการที่ตรวจสอบพบว่าเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่เรือในเรื่องการนำหอยมือเสือขึ้นมาจากใต้ทะเล ซึ่งนับจากนี้จะมีการเข้มงวดอย่างหนัก เนื่องจากเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และเป็นความผิด ที่สำคัญนักท่องเที่ยว หรือผู้ประกอบการต้องมีความสำนึกในเรื่องของสิ่งแวดล้อมด้วย
ด้าน นายประธาน สุรกิจบวร รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวว่ การกระทำเช่นนี้มีความผิดและจะต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด และอุทยานฯ เกาะช้าง จะต้องเร่งตรวจสอบว่า เรือนำเที่ยวมีส่วนรู้เห็นหรือไม่ หากพบต้องตักเตือน และหากยังปฏิบัติอยู่ก็จะต้องถูกดำเนินคดีด้วยเช่นกัน