อุบลราชธานี - เจ้าทุกข์เต็นท์รถเช่าโผล่อีกราย เหยื่อถูกสองผัวเมียทหาร-ตำรวจหลอกเช่ารถเชิดไปจำนำต่อเฉย โร่แจ้งความเพิ่มยักยอกทรัพย์ ระบุพฤติกรรมสุดแสบหลอกเช่ารายเดือนจ่ายเงินมัดจำแค่ 10,000 บาท แต่เอารถไปจำนำต่อ 50,000 บาท ทั้งเสียหายจากการติดตามรถคืน ย้ำต้องการดำเนินคดีให้เป็นตัวอย่าง
จากกรณีสองผัวเมีย ร.ต.ท.หญิง วัลยา จันทร อายุ 31 ปี รองสารวัตรธุรการ สถานีตำรวจโพธิ์ทอง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด และ ส.ท.พัฒนพงษ์ ฟองมนต์ อายุ 32 ปี ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 16 จ.ยโสธร ก่อเหตุขอเช่ารถแล้วเชิดรถนำไปจำนำ โดยก่อเหตุในหลายจังหวัดภาคอีสาน เบื้องต้นเช่ารถยนต์จำนวน 5 คัน เจ้าทุกข์สามารถติดตามกลับคืนได้ 3 คันนั้น
ล่าสุด ร.ต.อ.วิรุฬห์ กลางคำ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุบลราชธานี ได้รับแจ้งจากนายปวรเมศ จรลี อายุ 28 ปี ซึ่งได้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ศิริพร บุญมา ผู้ประกอบการบริษัท ไทยเรนท์อีโก้คาร์ จำกัด สาขาจังหวัดอุบลราชธานี เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อ ร.ต.ท.หญิง วัลยา จันทร ฐานยักยอกทรัพย์ รถยนต์นั่งยี่ห้อนิสสัน อเมร่า ทะเบียน 2 กฉ 1220 กรุงเทพฯ โดยแจ้งความเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา
สืบเนื่องจากเมื่อเดือนเมษายน 2559 ที่ผ่านมา ร.ต.ท.หญิง วัลยาได้มาขอเช่ารถจากบริษัทเพื่อนำไปใช้ที่จังหวัดร้อยเอ็ดแบบเป็นรายเดือนเป็นเวลานาน 1 เดือน โดยได้จ่ายเงินค่ามัดจำเช่าล่วงหน้าเป็นมูลค่า 10,000 บาท แต่เมื่อครบกำหนด ร.ต.ท.หญิง วัลยาไม่ได้นำรถมาคืนให้ จึงได้ติดตามหารถและพบว่า ร.ต.ท.หญิง วัลยาได้นำรถไปจำนำไว้กับคนรู้จักที่อำเภอโพนทอง จ.ร้อยเอ็ด มูลค่า 50,000 บาท จึงได้ติดต่อขอรับรถคืนจากผู้ที่รับจำนำไว้ และที่เพิ่งเข้าแจ้งความเพราะติดใจค่าเสียหายจากการเช่ารถที่ยังไม่ได้รับ พร้อมทราบว่า ร.ต.ท.หญิง วัลยามีเจตนายักยอกทรัพย์ จึงต้องการดำเนินคดีให้เป็นตัวอย่าง
ด้านการติดตามจับกุมสองผัวเมียคู่นี้ พ.ต.ท.ปราโมทย์ ชื่นตา รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองอุบลราชธานี เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองอุบลราชธานีได้ส่งหมายจับศาลจังหวัดอุบลราชธานีเข้าสู่ระบบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกระจายหมายจับไปทั่วประเทศ แต่คาดว่าทั้งสองผัวเมียยังวนเวียนอยู่ในภาคอีสาน เพราะพบการเคลื่อนไหวครั้งสุดท้ายที่ จ.ร้อยเอ็ด
ส่วนการติดตามจับกุม พ.ต.อ.ศิราเมษฐ์ ธานินพิทักษ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองอุบลราชธานี สั่งให้ชุดสืบสวนหาข้อมูลที่อาจเป็นแหล่งใช้กบดานจากเพื่อนร่วมงานและญาติของผู้ต้องหา พร้อมประสานกับชุดสืบสวนของจังหวัดร้อยเอ็ดให้ช่วยติดตามอีกทางหนึ่ง แต่การติดตามหาตัวคนทั้งสองเจ้าหน้าที่ต้องใช้ความพยายามมากกว่าปกติ เนื่องจากผู้ต้องหามีทักษะหลบหนีพอสมควรเพราะมีอาชีพเป็นตำรวจและทหารมาก่อน แต่เชื่อว่าอย่างไรก็สามารถจับตัวมาดำเนินคดีได้แน่นอน