ลำปาง - ลูกจ้างสาว อบจ.ลำปาง วัย 32 ปี หมดทางออก ตัดสินใจถือกระป๋องนั่งหน้ามุขศาลากลางจังหวัดฯ ขอบริจาคเงินสู้คดี 1 แสนบาท บอกถูกพนักงานแบงก์ปลอมลายเซ็นกู้เงิน จนจะถูกยึดบ้านที่เป็นทรัพย์สมบัติชิ้นสุดท้ายของพ่อแม่อยู่รอมร่อ แถมใกล้หมดสัญญาจ้างกับ อบจ.ซ้ำอีก
วันนี้ (23 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.วรณัน ณ ลำพูน อายุ 32 ปี บ้านเลขที่ 244 ม.6 ต.สันพระเนตร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราว อบจ.ลำปาง ได้นำกระป๋องพร้อมป้ายขอความเป็นธรรมและขอรับบริจาคเงินรวม 100,000 บาท มานั่งอยู่ที่บริเวณหน้ามุขศาลากลางจังหวัดลำปาง เพื่อขอรับบริจาคเงินใช้ในการต่อสู้คดีเนื่องจากจะถูกยึดบ้าน ชดใช้หนี้ที่ตนเองไม่ได้ก่อขึ้น
น.ส.วรณันเปิดเผยถึงสาเหตุมานั่งขอเงินในครั้งนี้ว่า เนื่องจากตนเองถูกพนักงานธนาคารปลอมลายเซ็นในการเปิดบัตรเครดิตซึ่งมียอดใช้จ่ายเกือบ 8 หมื่นบาท โดยที่ตนเองไม่ทราบเรื่องมาก่อน แต่ยอมรับว่าเคยไปขอสมัครเปิดบัตรวีซ่าจริง แต่ทางธนาคารไม่เคยติดต่อกลับมา ตนจึงคิดว่าทางธนาคารไม่อนุมัติจึงไม่ได้สนใจใดๆ อีก
ต่อมากลับมีหนังสือจากทางธนาคารแจ้งให้ไปชำระค่าบัตรดังกล่าว ทำให้ตนเองมึนงงต่อเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมากจึงได้ไปตรวจสอบเอกสารต่างๆ พบว่าพนักงานของธนาคารได้ปลอมเอกสารการสมัครบัตรเครดิต อาทิ ประวัติการทำงาน ซึ่งตนเองเป็นเพียงพนักงานจ้างชั่วคราวของ อบจ.ลำปาง แต่กลับถูกปลอมเป็นข้าราชการ จากเงินเดือนเพียง 8,000 บาท เป็น 20,000 บาท และปลอมลายเซ็นเป็นลายเซ็นที่ตรงกับของลายเซ็นพนักงานธนาคารที่เซ็นใน passport ของเขาเองด้วย
น.ส.วรณันกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนเองได้ไปเปิดสมุดบัญชีของธนาคารรัฐแห่งหนึ่งเพื่อรับเงินเดือนจาก อบจ.ลำปาง และได้ไปขอสินเชื่อบัตรเครดิตไว้ แต่ก็ไม่มีการตอบกลับมาของธนาคาร ตนคิดว่าธนาคารคงไม่อนุมัติแล้วจึงไม่ได้ติดใจอะไร หลังจากนั้นก็มีเงินโอนเข้าบัญชีซึ่งก็มีทั้งเงินเดือน เงินโอที และอื่นๆ โดยตนไม่รู้ว่าเป็นเงินค่าอะไรบ้าง ต่อมาปรากฏภายหลังว่าธนาคารฯ โอนเงินเข้าบัญชีให้ 10,000 บาท ซึ่งตนเองก็ยินยอมชำระคืนเพราะได้นำเงินทั้งหมดไปใช้แล้ว เนื่องจากไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นเงินที่ธนาคารโอนมาให้ แต่หลังจากนั้นก็แปลกใจว่าทำไมมีการหักเงินในบัญชีโดยไม่ทราบสาเหตุ
จนกระทั่งมีหมายศาลไปยังที่อยู่ (ที่บ้าน) พ่อแม่ก็ตกใจว่าทำไมลูกถึงไปเป็นหนี้ร่วมแสนบาท ตนจึงให้พ่อแม่ส่งเอกสารต่างๆ มาให้ตนเองที่ลำปาง จึงรู้ว่ามีการปลอมเอกสารเพื่อขอกู้เงินอีกถึง 60,000 บาท โดยตนเองไม่ทราบเรื่องมาก่อนจึงได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองลำปาง และไปขอเอกสารที่ธนาคารก็พบว่าพนักงานของธนาคารคนหนึ่งได้ปลอมลายเซ็นในการกู้เงิน และปลอมลายเซ็นยินยอมให้หักเงินในบัญชีทุกเดือน
ก่อนหน้าที่จะไปแจ้งความร้องทุกข์ ทางธนาคารได้ติตต่อผ่านทางผู้บริหารของ อบจ.ลำปาง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงเพื่อพูดคุยในเรื่องนี้ โดยพนักงานธนาคารได้ยอมรับว่าการที่ปลอมลายมือชื่อ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าเท่านั้น ซึ่งตนขอให้พนักงานธนาคารรับผิดชอบเงินที่ธนาคารฟ้อง พร้อมค่าใช้จ่ายรวม 80,000 บาท แต่สุดท้ายก็ไม่มีความรับผิดชอบใดๆ ออกมาอีกเลย จึงตัดสินใจแจ้งความ
นอกจากนี้ ตนยังได้ยื่นถวายฎีกาไปแล้ว และสำนักราชเลขาฯ ได้มีหนังสือมายังอัยการเพื่อให้ดูแลและให้ความเป็นธรรมแก่ตนเอง แต่จนถึงขณะนี้ปีกว่าแล้วทางสำนักงานอัยการก็ยังดำเนินการไม่เรียบร้อย ตนเกรงจะถูกยึดบ้านซึ่งเป็นทรัพย์สินของพ่อแม่ที่เหลืออยู่เพียงชิ้นสุดท้ายเท่านั้น แต่ก็ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาจ่าย
“เราไม่ใช่ผู้ก่อหนี้ ผู้ที่กระทำกลับลอยนวลไม่ได้รับผิดชอบใดๆ เลย ดิฉันหมดหนทางแล้ว เมื่อมีหมายศาลไปที่บ้าน แต่ไม่มีเงินสู้คดี เพราะเป็นเพียงพนักงานจ้างชั่วคราว ซึ่งจะหมดสัญญาในเดือนกันยายน 59 นี้แล้ว โดยยังไม่ทราบว่าทาง อบจ.ลำปางจะต่อสัญญาอีกหรือไม่ จึงได้มานั่งขอทานเพื่อหาเงินไปใช้ต่อสู้คดีในครั้งนี้”